ดีเอสไอจับโรงงานผลิตหมึกพิมพ์ปลอม ของกลางมูลค่ากว่าล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม เวลา 07.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งทีมเจ้าหน้าที่สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญาเข้าตรวจค้นโรงงานผลิตหมึกพิมพ์ปลอมและปลอมเครื่องหมายการค้าหมึกพิมพ์ยี่ห้อต่างๆ จำนวนมาก ได้ที่โรงงานย่านบางพลี  จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีการลักลอบผลิตและจำหน่ายหมึกพิมพ์ (หมึกพริ้นเตอร์ ) ปลอม และปลอมเครื่องหมายการค้าของบริษัทผู้ผลิตหมึกพิมพ์ยี่ห้อดังซึ่งที่เป็นที่นิยมเป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.ประเวศน์  มูลประมุข ผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา พ.ต.ท.วีรวัชร์ เดชบุญภา ผู้อำนวยการส่วนคดีทรัพย์สินทางปัญญา 3  พ.ต.ท.สุมิตร ชโนวิทย์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ที่ 302 พ.ต.ท.บรรณฑูรย์ ฉิมกรา หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 301 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่คดีพิเศษ นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ 734/2553  ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2553 ไปทำการตรวจค้นที่ บ้านไม่ติดเลขที่ สุดซอยราชา6 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ  โดยบ้านดังกล่าวต่อเติมด้านข้างเป็นอาคารชั้นเดียวใช้เป็นโรงงานผลิตหมึกพิมพ์ปลอม ทั้งนี้ มีผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทผู้ผลิตหมึกพิมพ์เข้าร่วมตรวจค้น และนำชี้ยืนยันสินค้าโดยมีนางสาวสุนันท์ ปิ่นประดับ เจ้าของโรงงานเป็นผู้นำตรวจค้น

ผลการตรวจค้นพบสินค้าจำพวกหมึกพิมพ์ (หมึกพริ้นเตอร์ ) ปลอม และปลอมเครื่องหมายการค้า หมึกพิมพ์ยี่ห้อ Hewlett-Packard (HP-เอชพี) CANON (แคนนอน)  SAMSUNG (ซัมซุง)  BROTHER (บราเธอร์) บรรจุกล่องพร้อมจำหน่าย  และชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆอาทิ ตลับหมึกพิมพ์เลเซอร์พร้อมใช้งาน ตลับหมึกพิมพ์เปล่า ผงหมึก ลูกกลิ้ง ฝาครอบตลับหมึกพิมพ์ กล่องหมึกพิมพ์ ฯลฯ ที่เตรียมไว้ผลิตอยู่ในโรงงานดังกล่าวอีกจำนวนมาก

หลังจากตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทผู้ผลิตหมึกพิมพ์ ผู้เสียหาย ยืนยันว่าเป็นสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้าของบริษัทผู้เสียหาย และชี้ให้ยึดเป็นของกลาง เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันยึดสินค้าดังกล่าวไว้เป็นของกลาง รวมจำนวนทั้งสิ้น 9,456 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าของกลาง รวม 1 ล้านบาท และจับกุมตัวนางสาวสุนันท์ ปิ่นประดับ เจ้าของโรงงานและนายวสันต์ ลายหยก ผู้ดูแล  เป็นผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า ปลอมและมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร และเอาชื่อรูปรอยประดิษฐ์ในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้  จากนั้นจึงนำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีต่อไป