สธ.ตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ผลิตวัคซีนลดนำเข้า

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข หนุนตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ "วัคซีน" ป้องกันโรคติดต่อในคนไทยลดนำเข้า...

นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรมว.สาธารณสุขเปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข

มีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตัวเองด้านวัคซีน สามารถผลิตวัคซีนที่จำเป็นเพื่อใช้ในประเทศ ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2553รมว.สาธารณสุขได้ลงนาม “ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติพ.ศ.2553” เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเร็วที่สุด สาระสำคัญของร่างฉบับนี้ คือเสนอให้จัดตั้ง“สถาบันวัคซีนแห่งชาติ” อยู่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เป็นหน่วยงานระดับชาติในการประสาน ขับเคลื่อนด้านวัคซีนของประเทศ ตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ สนับสนุนการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคติดต่อต่างๆที่มีความจำเป็นสำหรับคนไทย เพื่อ ให้มีภูมิต้านทานโรค ทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน 

เลขานุการ รมว.สาธารณสุข กล่าวด้วยว่า วัคซีนจัดเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและคุ้มทุนที่สุดในการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ

ซึ่งที่ผ่านมาไทยประสบความสำเร็จในการป้องกันควบคุมโรคด้วยวัคซีน สามารถกำจัดโรคไข้ทรพิษหมดไปจากไทย โรคที่ใกล้จะสำเร็จในเร็วๆนี้อีกก็คือโรคโปลิโอ ซึ่งประเทศไทยมีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนพื้นฐาน 8 ชนิด ได้แก่ วัณโรค คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน คางทูม และไข้สมองอักเสบ กว่าร้อยละ 85 ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคเหล่านี้ลดลงมาก และหากประเทศไทยมีระบบการพัฒนาวัคซีนที่ทันสมัย มั่นใจว่าประสิทธิภาพการควบคุมป้องกันโรคติดต่อจะดียิ่งขึ้น และยังอาจคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคที่กำลังเป็นปัญหาของคนไทย และทั่วโลกเช่นวัคซีนป้องกันโรคมะเร็ง หรือโรคติดต่อที่เกิดขึ้นใหม่ๆได้ทัน

ที่ผ่านมา ประเทศไทย ร่วมกับอินเดียและอินโดนีเชีย ผลิตวัคซีนสำหรับใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมี 11 ประเทศ

แต่ปัจจุบันกลับปรากฏว่าไทยเป็นผู้นำเข้าวัคซีนจากอินเดียและอินโดนีเชียแทน เนื่องจากการผลิตวัคซีนของไทยไม่มีความก้าวหน้า โดยไทยมีแหล่งผลิตวัคซีนใช้ในประเทศเพียง 2 แห่งเท่านั้นได้แก่องค์การเภสัชกรรม ผลิตวัคซีนโรคไข้สมองอักเสบเจอีชนิดเชื้อตาย และสถานเสาวภา สภากาชาดไทย ผลิตวัคซีนบีซีจี ป้องกันโรควัณโรคในเด็ก ทั้งๆที่ไทยมีหน่วยงานทั้งในมหาวิทยาลัย สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอื่นๆ และภาคเอกชน ที่มีศักยภาพในการวิจัย พัฒนา ผลิตวัคซีนได้ไม่ด้อยกว่าประเทศอื่นๆ สาเหตุหลักๆเกิดมาจากการขาดงบประมาณ ขาดปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ขาดผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งขาดการบูรณาการทำงานร่วมกัน 

นายบุณย์ธีร์ กล่าวว่า การเสนอการจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติครั้งนี้ จะทำให้เกิดการบูรณาการดำเนินงานด้านวัคซีนเป็นหนึ่งเดียว

ช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงในการมีวัคซีนที่จำเป็นสำหรับการป้องกันโรค เพื่อลดการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ซึ่งจะสามารถลดการสูญเสียด้านเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวได้ มั่นใจว่าจะได้รับความชอบจากคณะรัฐมนตรี

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์