เสื้อแดงพะเยาย้ำเพื่อไทย-นปช. ต้องขับเคลื่อนเป็นแนวเดียวกัน

นายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พะเยา กล่าวว่า การขับเคลื่อนทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) กับ กลุ่ม นปช.โดยส่วนตัวตนมองว่าจะต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน ไม่อาจจะแยกออกจากกันโดยเด็ดขาดได้ ทั้งนี้ในส่วนของ พท.คือการขับเคลื่อนในกระบวนการทางภาคการเมืองของนักการเมืองและพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา เป็นกระบวนการแสดงสิทธิและเสียงโดยผู้แทนจากระบบตัวแทน ขณะที่ นปช.คือการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชน ซึ่งต้องเป็นคู่ขนานหรือบางครั้งก็ต้องเคลื่อนไหวร่วมกัน

นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามพบว่ามีกลุ่มการเมืองใน พท.บางส่วน หรือนักวิจารณ์การเมืองนอก พท. วิเคราะห์ว่า พท.ยึดติดกับ นปช.หรือคนเสื้อแดงมากเกินไป ทำให้ พท.ไม่มีเอกภาพการขับเคลื่อนเพียงพอ จึงเสนอแนะให้แยกตัวออกมาจาก นปช.อย่างชัดเจน ตรงนี้ในฐานะเป็นคนเสื้อแดงต้องยอมรับว่า การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาทุกครั้ง ทั้งกลุ่มเสื้อแดงและ พท. ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เพราะคนเสื้อแดงถือได้ว่าเป็นแนวร่วมที่สำคัญของ พท. ซึ่งมีกระจายไปทั่วประเทศ เหตุที่คนเสื้อแดงพร้อมใจเป็นแนวร่วมให้ พท.เพราะแนวคิดการต่อสู้ทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน คือ เรียกร้องให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่มีอำนาจทั้งปวงเลิกปฏิบัติตัวเป็นสองมาตรฐาน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมสำหรับคนทุกระดับ

"หาก พท.คิดว่าจะแยกตัวหรือตัดขาดจากคนเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด ต้องย้อนถามตัวเองก่อนว่าพร้อมแล้วหรือที่จะยืนหยัดด้วยตัวเองเพียงด้านการเมือง โดยไม่ต้องการแนวร่วมจากภาคประชาชนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ผมคิดว่าความเป็นไปได้ที่กลุ่มเสื้อแดงหรือ นปช.จะประกาศตัวตั้งเป็นพรรคการเมืองย่อมเป็นไปได้มากขึ้น และแน่นอน ส.ส.ของ พท.หรือกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่มีหัวใจสีแดงก็ต้องมาอยู่และขับเคลื่อนร่วมกับเสื้อแดงในที่สุด เมื่อนั้น พท.จะต้องประสบอุปสรรคทั้งภายในและภายนอก ผมไม่อยากเห็นภาพนั้น ฉะนั้นการขับเคลื่อนการเมืองระหว่าง พท.กับภาคประชาชนโดยเสื้อแดง ต้องก้าวต่อไปในทิศทางที่เหมาะสม" นายศิริวัฒน์ กล่าว

ผู้ประสานงาน นปช.พะเยา กล่าวต่อว่า เวลานี้เสื้อแดงได้ก้าวไปไกลกว่ากิจกรรมของ พท.มาก พวกเราได้มองข้ามเรื่องของความแตกต่างเรื่องแนวคิดและสีเสื้อไปแล้ว แต่พวกเราได้มองถึงความเสมอภาค สิทธิที่เท่าเทียมกันตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การทำลายระบบสองมาตรฐานของรัฐบาลในทุกสมัย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่กลุ่มชนรากหญ้าเพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือการเมืองของกลุ่มการเมืองใด ๆ ต่อไป