ปธ.ปฏิบัติสังฆราช ยังคงเดิม ´สมเด็จพุฒาจารย์´

"ยกเลิกคำสั่ง"


ความคืบหน้ากรณีที่มีข่าวว่า จะมีการเสนอหนังสือพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช แล้วมีคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชชุดใหม่ ที่มีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เป็นประธาน แล้วให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) วัดสระเกศ ประธานคณะฯเดิม เป็นที่ปรึกษาคณะฯ แทน พร้อมกับเสนอร่าง

พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 7 พ.ย. จนก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พระสงฆ์ว่าอาจทำให้เกิดความแตกแยก ขณะเดียวกันพระสงฆ์จำนวนหนึ่งก็ได้นัดหมายกันเดินทางไปเข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ยับยั้งการลงนามในหนังสือดังกล่าว รวมถึงคัดค้านการพิจารณาร่างการแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่จะมีการนำเสนอในคราวเดียวกันนั้น

พระชุมนุมขอนายกฯ ยับยั้งพระบัญชา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 7 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ฝังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ผอ.ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) พร้อมด้วยพระนิสิตจาก มจร.และมหาวิทยาลัยมหามุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ประมาณ 100 รูป มาชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้ยับยั้งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับ ที่...) พ.ศ. ซึ่งต่อมามีการส่งพระตัวแทน 10 รูป เข้ายื่นหนังสือต่อนายทวิช ศุภวรรณ หัวหน้าฝ่ายประสานงานมวลชน ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเสนอให้นายกฯทราบ และระงับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยพระมหาโชว์กล่าวว่า การดำเนินการ ดังกล่าวของรัฐบาลเป็นการสร้างความแตกแยกในหมู่สงฆ์ หากผ่านร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระราชาคณะ ที่ให้พิจารณาความอาวุโสทางพรรษาแทนอาวุโสโดยสมณศักดิ์ และที่ผ่าน มาสมเด็จพระสังฆราชทรงประชวร จึงได้ตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมาแล้ว แต่ขณะนี้นายไพศาล พืชมงคล สมาชิก สนช. กำลังจะเสนอให้ ครม.แต่งตั้ง ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชใหม่ ซึ่งอาจสร้างความแตกแยกของหมู่พระราชาคณะทั้งหลาย และเป็นอันตรายต่อพุทธศาสนา ที่บอกว่ารัฐบาลชุดเก่าทำลายชาติ แต่รัฐบาลชุดนี้จะทำลายพุทธศาสนา

จวกเข้า ครม.ยิ่งทำสงฆ์แตกแยก

พระมหาโชว์กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสข่าวว่าจะแจ้งเรื่องพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชเรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ให้ที่ประชุม ครม. รับทราบนั้น การแต่งตั้งลักษณะนี้ต้องผ่านที่ประชุมมหา เถรสมาคม ไม่ใช่มาจากรัฐบาลหรือฆราวาส ถ้าเป็นความจริงจะอันตราย วันนี้คณะสงฆ์มาเท่านี้ แต่ถ้าคณะสงฆ์ทั้งประเทศจะลุกฮือขึ้นมาจะลำบาก เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้ารัฐบาลแอบประชุมเรื่องนี้กันปลดสมเด็จพระสังฆราช ถือเป็นเรื่องใหญ่ นายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศต้องรับผิดชอบ ถ้า ครม.พิจารณาเรื่องดังกล่าวและมีพระ บัญชาของสมเด็จพระสังฆราชเรื่องนี้จริง จะยุ่ง เราจะปักหลักยาว ขอให้นายกฯเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้ ถ้านายกฯ อยากให้คณะสงฆ์ทะเลาะวิวาท แตกแยกกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก็เป็นเรื่องของท่าน

คุณหญิงทิพาวดี โต้แค่ข่าวโคมลอย


จากนั้นในเวลา 09.15 น. คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ถึงข่าวการเสนอขอความเห็นชอบจากที่ ประชุม ครม. เพื่อยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ว่า ข่าวนี้ไม่มีมูลความจริงแต่ ประการใด

อ้างเห็นคำสั่งแต่ไม่รู้ใครทำ

อย่างไรก็ดี คุณหญิงทิพาวดีกล่าวยอมรับว่าได้ เห็นหนังสือดังกล่าวแล้ว ซึ่งไม่ทราบว่าใครส่งมาให้ดู เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งแนบมากับร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. สงฆ์ ซึ่งเป็นเอกสารที่คนอื่นทำมา แต่ไม่ทราบว่าใคร โดยเห็นมา 4-5 วันแล้ว แต่ในแง่ของรัฐบาลและมหาเถรสมาคม เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง และในวันเดียวกันนี้ สมเด็จพระสังฆราชจะเข้ารับการผ่าตัด เพราะฉะนั้นขอแจ้งให้ทราบว่าข่าวที่ออกมาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ไม่มี มูลความจริงแต่อย่างใด

ตัดตอนไม่ตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหนังสือดังกล่าวหรือไม่ ว่าใครเป็นคนทำและมาจากไหน คุณหญิงทิพาวดีกล่าวว่า เข้าใจว่าจะเป็นเพียงตัวอย่างหรือตุ๊กตาในการยกร่างแก้ไขกฎหมายที่ทำขึ้น แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นคนยกร่างขึ้นมา แต่เป็นเอกสารที่มีผู้ใหญ่ ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ไม่ขอเอ่ยชื่อส่งมาให้ดู และขอตรวจสอบข้อเท็จจริงกับตนว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นมาอย่างไร ซึ่งทางซีกรัฐบาลไม่มีดำริเรื่องนี้ และ มส.ก็ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้แต่อย่างใด พูดง่ายๆว่าเรื่องนี้เป็นเพียงข่าวโคมลอย อย่างไรก็ตาม คงไม่ถึงขนาดต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข่าวนี้ เพราะจริงๆ แล้วเป็นเพียงเอกสารที่ลอยมาและคงมีคนนำไปให้หนังสือ พิมพ์เท่านั้น และคงไม่ต้องลงไปทำความเข้าใจกับกลุ่มที่จะคัดค้าน เพราะเมื่อข่าวออกไปทุกฝ่ายคงจะเข้าใจ โดยทางพระผู้ใหญ่และทาง มส.ได้ทราบถึงเรื่องนี้แล้วเช่นกัน

ยันไม่ใช่ความคิดของรัฐบาล


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีการกล่าวอ้างว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชให้มาดำเนินการ มีการตรวจสอบกับนายกฯแล้วหรือไม่ คุณหญิงทิพาวดีกล่าวว่า ไม่มี ตนได้เรียนนายกรัฐมนตรีให้ทราบไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ได้รับเอกสารมา โดยท่านนายกฯบอกว่ารัฐบาลไม่มีดำริเรื่องนี้ และส่วนตัวเชื่อว่าคงไม่เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างฝ่ายธรรมยุติกับมหานิกาย เพราะเท่าที่ดูเอกสารแล้ว เหมือนเป็นเพียงตุ๊กตาต้นร่างในการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ ซึ่งทางสมาชิก สนช.บางกลุ่มกำลังจัดทำขึ้นมาเพื่อเตรียมเสนอต่อ สนช. ซึ่งถ้ามีการเสนอขึ้นมา ทางรัฐบาลคงจะรับมาดูก่อน

สมเด็จเกี่ยว ยังเป็น ปธ.คณะฯ

เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ในอนาคตหากมี สนช.บางกลุ่มที่นำโดยนายไพศาล พืชมงคล เสนอแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ จะมีการเปลี่ยนแปลงคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ คุณหญิงทิพาวดี กล่าวว่า ไม่มี เพราะรัฐบาลจะพิจารณาเฉพาะเรื่อง พ.ร.บ. สงฆ์เท่านั้น แต่เรื่องของการเปลี่ยนแปลงการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทางสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ยังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

สุรยุทธ์ ย้ำไม่มีการสอดไส้เข้า ครม.


จากนั้น หลังการประชุม ครม. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ยังไม่มีร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สงฆ์ เข้าสู่วาระการประชุม เพราะเป็นเรื่องที่ สนช.เสนอ รัฐบาลไม่มีวาระในการพิจารณาเรื่องนี้ และไม่ได้มีเรื่องนี้ส่งจาก สนช. มายัง ครม.ด้วย รวมถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ปฏิบัติหน้าที่ แทนสมเด็จพระสังฆราช ก็ยังไม่มีเข้ามา และรัฐบาลไม่ได้ เป็นผู้ที่ริเริ่ม ถือว่าสิ่งเดิมที่มีอยู่ ยังคงเป็นไปตามนั้น

สมเด็จวัดชนะฯ ไม่รู้แต่ไม่ค้าน

อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับข่าวที่เกิดออกมาทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก และต่างพุ่งเป้าไปที่พระเถระผู้ตกเป็นข่าว โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดชนะสงคราม ตั้งแต่เช้ามีผู้สื่อข่าวจำนวนมากเดินทางไปรอพบสมเด็จพระมหาธีราจารย์ที่มีข่าวว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช แทนสมเด็จเกี่ยว ซึ่งสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพิ่งจะทราบเมื่อมีข่าวออกไป อีกทั้งรัฐบาลไม่เคยนำเรื่องนี้มาหารือ หรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า รวมทั้ง ที่ประชุมมหาเถรสมาคมก็ไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด แต่ก็ไม่ คัดค้าน อย่างไรก็ตาม เรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯนั้น รัฐบาลสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นจะต้องผ่านความเห็นจากมหาเถรสมาคม

อาตมาเชื่ออยู่อย่างว่าหากมีความบริสุทธ์ใจในการปฏิบัติงาน งานก็จะเจริญงอกงาม ซึ่งถ้าทำงานด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจแล้ว ผลงานจะออกมาไม่ดี และเชื่อว่าการที่รัฐบาลจะแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชชุดใหม่คงเป็นเพราะว่า รัฐบาลเห็นว่าเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาจึงได้ทำการดังกล่าว สมเด็จพระมหาธีราจารย์กล่าว

สมเด็จเกี่ยว เก็บตัวไม่ออกความเห็น

ส่วนที่วัดสระเกศ พระพรหมสุธี กรรมการมหาเถรสมาคม และเลขานุการสมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวภายหลังเข้าพบสมเด็จพระพุฒาจารย์ ที่ตำหนักสมเด็จกว่า 1 ชั่วโมง ว่า ไม่ขอออกความเห็นใดๆเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ที่ให้แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช โดยยึดตามพรรษาและการเปลี่ยนประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ ไปเป็นสมเด็จพระมหาธีราจารย์ และสมเด็จพระพุฒาจารย์ก็ไม่ได้ พูดถึงเรื่องนี้ พระสงฆ์อยู่เป็นปกติอยู่แล้ว และยังไม่เห็นพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ส่วนที่มีหลายฝ่ายเป็นห่วงร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ จะก่อให้เกิดความแตกแยกในคณะสงฆ์นั้น เชื่อว่าไม่มีการแตกแยกไม่มีอะไร ตอนนี้ประเทศ ไทยอยู่ในยุคกำลังสมานฉันท์ พร้อมกันนี้ก็ขอฝากให้ สื่อมวลชนช่วยชี้แจงให้กลุ่มลูกศิษย์เข้าใจด้วย

พศ.ยันไม่รู้เรื่องเหมือนกัน


ด้านนางจุฬารัตน์ บุญยากร รักษาการ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯในช่วงบ่าย หลังจากเดินทางเข้าเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ เมื่อช่วงเช้าว่า ไม่ได้ไปเข้าเฝ้าเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯชุดใหม่ แต่ไปในฐานะผู้รับสนองงานและส่งเสด็จเข้าห้องผ่าตัด เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชต้องเข้ารับการผ่าตัดซีสต์ ส่วนเรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯชุดใหม่ เท่าที่ทราบคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือ เพราะทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯยังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ว่าต้น เรื่องมาจากไหน รวมทั้งยังไม่เห็นพระบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราชในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี แม้ว่ารัฐบาลมีอำนาจในการแต่งตั้งตามพระบัญชาดังกล่าวได้ แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้วทางมหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯควรที่จะต้องทราบเรื่องดังกล่าวด้วย

ผู้ช่วยเลขาฯ สังฆราช ชี้คำสั่งมีพิรุธ

ส่วนพระครูโสภณศาสนกิจ ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวเช่นกันว่า ได้สอบถามไปยังพระผู้ดูแลพระอาการของสมเด็จพระสังฆราช ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก็เพิ่งทราบเรื่องเช่นเดียวกัน ส่วนพระเทพสารเวทีและทีมผู้ช่วยเลขานุการไม่ทราบเรื่องพระบัญชานี้ โดยพระเทพสารเวทีบอกว่าทราบแต่ข่าวจากสื่อมวลชน และพระเทพสารเวทีไม่ได้ไปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช เพื่อออกพระบัญชานี้ ซึ่งตามระเบียบปฏิบัตินั้น เมื่อสมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระบัญชา จะต้องมี 4 ฝ่ายได้แก่ พระเทพสารเวที เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้แทนสำนักพระราชวัง แพทย์ประจำพระองค์สมเด็จพระสังฆราช และพระประจำวาระรับทราบ เมื่อถวายรายงานให้สมเด็จพระสังฆราชทรงทราบแล้ว หากพระองค์เห็นด้วยก็จะมีการประทับตราต่อหน้าพระองค์ แต่ไม่ได้ใช้วิธีประทับรอยพระหัตถ์ หลังจากนั้นทั้ง 4 ฝ่ายจะต้องเซ็นรับรองหนังสือพระบัญชา ไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าว

แม้แต่พระใกล้ชิดยังไม่รู้เรื่อง

พระครูโสภณศาสนกิจกล่าวด้วยว่า ยังไม่ทราบว่ามีพระบัญชาออกมาหรือไม่ ถ้ามีพระบัญชาออกมาพระเทพสารเวทีจะต้องทราบเรื่องนี้ เพราะท่านเป็นหนึ่งใน 4 ฝ่ายที่จะต้องเซ็นรับรองพระบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราช ยังมองไม่ออก ข่าวนี้กลุ่มไหนปล่อยออกมา เพราะหากไม่มีพระบัญชาออกมาจริง จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และเกิดผลกระทบต่อสมเด็จพระสังฆราช และขณะนี้ทางพระผู้ใหญ่ยังไม่ได้สั่งการใดๆ ยังไม่มีการตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะข่าวไม่ได้ออกมาจากวัดบวรนิเวศฯ

แฉที่มาพระบัญชาพระสังฆราช


อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พระเทพวิสุทธิกวี คณะเลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดราชาธิวาส ถึงที่มาของหนังสือดังกล่าวว่า ได้รับเอกสารเรื่องพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช กรณีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่ให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ขึ้นทำหน้าที่ประธานแทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ตั้งแต่ 2-3 วันที่ผ่านมา และมีการตรวจสอบที่มาของเอกสารดังกล่าว พบว่าเอกสารดังกล่าวมีที่มาจากวัดบวรนิเวศวิหาร แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นการทำขึ้นของคณะสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารทั้งหมด แต่มาจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ที่เคยมีอำนาจและพระสงฆ์บางรูป ที่มีลับลมคมในและมีความพยายามที่จะนำเอาบารมีของสมเด็จพระสังฆราช มาใช้อีก จนกระทั่งมีการจัดทำเอกสารดังกล่าวขึ้น และเหลือแต่การลงพระนามของสมเด็จพระสังฆราช และมีการผลักดันผ่านฝ่ายการเมือง เพื่อนำไปให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ลงนามในพระบัญชาดังกล่าว ซึ่งถ้ามีการลงนาม พระบัญชาจะมีผลทันที แต่โชคดีที่มีพระสงฆ์บางรูปในวัดบวรนิเวศวิหาร ส่งเอกสารดังกล่าวมาให้ และส่งให้พระเถระชั้นผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคมบางรูป ก่อนที่จะมีการนำเข้า ครม. เรื่องนี้จึงถูกเปิดเผยออกมาสู่สังคม ถ้าไม่มีการเปิดเผยออกมา คณะสงฆ์คงแตกแยกกันอย่างหนัก เพราะมีการนำสมเด็จวัดสระเกศ กับสมเด็จวัดชนะสงคราม ไปชนกัน เพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่มที่เคยมีอำนาจ

กะเข้าวาระจรแต่ถูกเปิดโปงก่อน

พระเทพวิสุทธิกวีกล่าวอีกว่า การที่คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธนั้น ก็เป็นสิทธิของท่าน แต่เท่าที่ตรวจสอบมาคือรู้ว่า จะมีการนำเข้าคณะรัฐมนตรีจริงๆ เป็นวาระจรแต่เรื่องถูกเปิดเผยออกมาก่อน เลยต้องมีการปฏิเสธ

อดีต ผอ.พศ.เชื่อฝีมือผู้สูญอำนาจ

ขณะที่ พล.ต.ท.อุดม เจริญ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและที่ปรึกษามหาเถรสมาคม กล่าวว่า พระบัญชาที่ถูกจัดทำขึ้นน่าจะเป็นความพยายามของอดีตฝ่ายที่สูญเสียอำนาจที่เคยมีร่วมมือกับฝ่ายการเมืองเพื่อที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในวงการคณะสงฆ์ เพราะเมื่อครั้งที่ตนเป็น ผอ.สำนักงานพระพุทธฯเมื่อ วันที่ 8 ก.ค. 2547 ซึ่งเป็นช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามากำกับดูแลสำนักงานพระพุทธฯ พร้อมกับนายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษา พล.ต.ศรชัย มนตริวัต เลขานุการส่วนตัว ได้มาหารือกับตนเกี่ยวกับถวายคืนพระราชอำนาจให้กับสมเด็จพระสังฆราช และได้นำตนเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ก็ได้เจอกับพระเทพสารเวที เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช พระราชรัตนมงคล คณะเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร และได้เข้าไปถวายรายงานและให้ทรง ลงพระนามรับทราบและลงนาม แต่สมเด็จพระสังฆราช ทรงลงพระนามไม่ได้ จึงได้มีการตกลงกันว่าในวันที่ 9 ก.ค. จะมากันใหม่

ย้อนอดีต...โยงคดีเก่าปลอมพระลิขิต


ที่ปรึกษามหาเถรฯกล่าวอีกว่า แต่ปรากฏว่าในช่วงกลางคืนของวันที่ 8 ก.ค. ได้มีคำสั่งยกเลิกที่จะไปให้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช เพื่อให้ทรงลงพระนาม ซึ่งไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าเพราะอะไร จนกระทั่งมีมติมหาเถรสมาคมวันที่ 20 ก.ค. 2547 เรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชออกมา

การแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สาเหตุเพราะมีการปลอมพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช ไปหาประโยชน์ ซึ่งขณะนี้พระราชรัตนมงคล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และฆราวาส 2-3 คน ถูกดำเนินคดีอยู่ในศาล พล.ต.ท.อุดมกล่าว

เผยเส้นทางหนังสือพระบัญชา

สำหรับหนังสือพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช 2 ฉบับ ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับหนังสือดังกล่าวมาทางโทรสารจากพระมหาโชว์ ทัสสนีโย ผอ.ส่วนธรรมนิเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ที่รับคำสั่งจากพระเทพวิสุทธกวี คณะเลขาฯ ให้ส่งมาให้สื่อมวลชนเมื่อค่ำวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยพระมหาโชว์ยังกล่าวด้วยว่า เอกสารที่ส่งมาเป็นร่าง พ.ร.บ.สงฆ์ ฉบับแก้ไข ที่มีพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช แนบท้ายมาด้วย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ที่หัวกระดาษมีสัญลักษณ์ระบุชัดเจนว่าเป็น พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช โดยฉบับแรกลงเลขที่ 1/2549 ยกเลิกมติที่ประชุมกรรมการมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 20/2549 ซึ่งเป็นการยกเลิกเรื่องการเลือก คณะผู้แทนปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่มีการประชุม มส. เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2547 ส่วนในฉบับที่ 2 ลงเลขที่ 2/2549 แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีการเพิ่มคำว่า แทน ลงไป เป็น คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช แต่ในท่อนท้ายที่เว้นชื่อผู้รับสนองพระบัญชา คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี นั้น กลับพิมพ์ชื่อผิดว่า สุรยุทธ โดยไม่มีการันต์


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์