ม็อบใต้ปิดหมู่บ้าน ไล่ฐานตชด. กัก40จนท.-ต่อรอง

ยอมถอน-สลาย พอ.คณะเจรจา โดนบึ้ม-สาหัส ลูกน้องสังเวย2


ม็อบใต้ 300 คนฮือปิดล้อมฐานตชด.ยะลา พร้อมกักเจ้าหน้าที่ 40 นาย เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ อ้างมีส่วนกับการตายของชาวบ้าน หลังมีคนถูกยิงตายใกล้ฐาน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่สกัดจับ รักษาการผู้ว่าฯส่งตัวแทนเจรจากว่า 1 ช.ม. ก่อนจะยอมรับข้อเสนอถอนกำลังออกภายในวันนี้

กลุ่มผู้ชุมนุมยอมสลายตัว ก่อนหน้านี้โจรใต้ดักซุ่มยิงทหารชุดฉก. ทหารบาดเจ็บ 1 ราย ขณะเข้าไปตรวจสอบเหตุลอบเผาโรงเรียน ส่วนที่นราธิวาสก็ป่วน คนร้ายลอบวางระเบิดถล่มร้านคาราโอเกะ 3 จุดในเวลาไล่เลี่ยกัน ตำรวจและชาวบ้านบาดเจ็บ 5 ราย คนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องมาวางไว้ในร้านก่อนจุดชนวน ด้านครป.จี้ฟื้นกอส.ขึ้นมาดับไฟใต้อีกครั้ง

โจรใต้บึ้ม 3 จุดถล่มคาราโอเกะตากใบ

เมื่อเวลา 23.05 น. วันที่ 4 พ.ย. ร.ต.ต.เทพศิลป สะอาดอุตม์ ร้อยเวร สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณหน้าร้านคาราโอเกะกลางชุมชนเมืองใหม่ บ้านตาบา หมู่ 1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จึงรายงานพ.ต.อ.ไพศาล ชัยบุตร รักษาการผกก.สภ.อ.ตากใบ จากนั้นนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมประสานไปยังพ.ต.ท.สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.จ.นราธิวาส หัวหน้าชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดไปเก็บกู้ระเบิด

ในที่เกิดเหตุพบที่บริเวณหน้าร้าน "เจมส์บอย 99 คาราโอเกะ" เลขที่ 52 ม.1 ชุมชนเมืองใหม่ ต.เจ๊ะเห มีนางแสงหล้า ชาติมอง อายุ 40 ปี เป็นเจ้าของร้าน ภายในร้านข้าวของกระจัดกระจายทั่วร้าน โต๊ะเก้าอี้พังล้มระเนระนาด โดยเฉพาะบริเวณฝ้าเพดาน และกระเบื้องแตกละเอียด ร่วงหล่นลงมากองอยู่กับพื้น ปะปนกับเศษสะเก็ดระเบิด เศษขวดเบียร์ แก้ว กับแกล้ม และกองเลือด อาทิ เศษเหล็กหุนตัดสั้น เศษกล่องเหล็ก เศษหัวตะปู เศษดินระเบิดแอมโมเนียไนเตรต เชื้อปะทุ เศษซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ตร.-ชาวบ้านบาดเจ็บสาหัส 5 ราย

ภายในร้านดังกล่าวพบผู้บาดเจ็บรวม 3 ราย ถูกหามส่งโรงพยาบาลตากใบ ประกอบด้วย 1.จ.ส.ต.กิตติพงษ์ ศรีขำ อายุ 39 ปี 2.ส.ต.อ.สัมฤทธิ์ หวังสุข อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจบ้านตาบา ประจำสภ.อ.ตากใบ และ 3.นางสนม บุญมี อายุ 28 ปี พนักงานเสิร์ฟประจำร้าน ทั้ง 3 รายถูกสะเก็ดระเบิดตามขา ลำตัว และแขน บาดเจ็บสาหัส

ส่วนร้านที่ 2 ซึ่งห่างกันเพียง 50 เมตร พบถูกคนร้ายลอบวางระเบิดอีกเช่นกัน คือร้าน "รีเจนท์ซี่" เลขที่ 2/11 มีนายนิคม เรืองหิรัญ อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของร้าน อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกับร้านแรก มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือนายเจ๊ะไพซู ยะโก๊ะ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 262/10 ม.1 บ้านตาบา ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ และนายกูรอลา กูจินามิง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 262/7 ม.1 บ้านตาบา ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ ถูกสะเก็ดระเบิดตามร่างกายหลายแห่ง บาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ลำเลียงส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ทราบว่า ทั้ง 2 ร้านคนร้ายจำนวน 2 ชุด จำนวน 4 คน เป็นวัยรุ่น แบ่งกำลังกันนำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5 ก.ก. บรรจุไว้ในกล่องเหล็ก จุดชนวนระเบิดด้วยสัญญาณโทรศัพท์มือถือ จากนั้นใส่ไว้ในถุงพลาสติกแล้วหิ้วนำมาวางไว้ใต้โต๊ะภายในร้าน โดยแฝงตัวเป็นลูกค้าของร้าน จากนั้นจึงสั่งของมาดื่มก่อนจะเดินออกจากร้าน แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์ซูซูกิ รุ่นคริสตัล และฮอนด้า เวฟ สีเขียว ออกจากร้าน จากนั้นจุดชนวนระเบิด ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ชี้หวังสังหารเจ้าหน้าที่ของรัฐ


นอกจากนี้ยังเกิดเหตุระเบิดจุดที่ 3 ที่บริเวณริมรั้วกำแพงปากทางเข้าซอยร้านคาราโอเกะทั้ง 2 ร้านที่ถูกลอบวางระเบิด ห่างจากร้านแรกประมาณ 50 เมตร และห่างจากร้านที่ 2 ประมาณ 100 เมตร โดยคนร้ายนำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5 ก.ก. บรรจุไว้ในกล่องเหล็ก วางไว้ในพงหญ้า ก่อนจุดชนวนระเบิดเสียงดังสนั่น

จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิดขนาดกว้าง 1 ฟุต ลึก 50 ซ.ม. มีเศษสะเก็ดระเบิดกระจายเกลื่อนซอย ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นหลัง 2 ลูกแรกประมาณ 15 นาที โดยคนร้ายต้องการสังหารเจ้าหน้าที่ชุดเข้ามาตรวจสอบจุดเกิดเหตุทั้ง 2 จุดแรก แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เพราะเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบภายในร้านก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น ส่วนสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานกลุ่มคนร้ายก่อเหตุเพื่อป่วนสถานการณ์ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มคนร้ายเคยประกาศจะก่อเหตุรุนแรงหลายจุด

จ่อยิงหนุ่มใหญ่ดับขณะไปกรีดยาง

ต่อมาเวลา 07.30 น. ร.ต.ท.สุวิช ภู่สถิต ร้อยเวรสภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณข้างรางรถไฟบ้านโคกปริเม็ง หมู่ 1 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จึงรายงานพ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก. ทราบ จากนั้นนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง รุดไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิตนอนจมกองเลือดอยู่ข้างรางรถไฟ สภาพหัวแบะหลุดหายไปทั้งแถบ โดยมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน กมฉ 728 นราธิวาส ล้มคว่ำอยู่ข้างศพ ทราบชื่อนายยูโซ๊ะ มามะ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 ม.1 ต.ปะลุรู สภาพศพถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่บริเวณศีรษะ หน้าผาก จนหลุดหายไปทั้งแถบ และลำตัวรวม 4 นัด จึงลำเลียงศพส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี ส่วนในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 4 ปลอก หมอนรองกระสุน 4 ชิ้น จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายยูโซ๊ะขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนริมรางรถไฟเพื่อจะไปเก็บยางพาราในสวนยางที่ภรรยากรีดไว้ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ มีคนร้ายไม่น้อยกว่า 2 คนดักซุ่มอยู่ข้างทาง โดยคนร้ายเรียกให้หยุดรถเพื่อพูดคุยกัน จากนั้น 1 ใน 2 คนร้ายชักปืนลูกซองที่เตรียมมาจ่อยิงศีรษะนายยูโซ๊ะจนล้มฟุบลงกับพื้น แล้วจ่อยิงที่บริเวณหน้าผาก และลำตัวซ้ำอีก 3 นัด รวม 4 นัด จนมั่นใจเสียชีวิตแล้ว จึงพากันหลบหนีไป ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่สันนิษฐานเป็นการสร้างสถานการณ์ใต้รายวัน

ทัพภาค 4 ปฐมนิเทศจนท.ดับไฟใต้

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมโสภาพิสัย โรงแรมตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ต.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า เป็นประธานอบรมปฐมนิเทศเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหารกองอำนายการเสริมสร้างสันติสุข (กอ.สสส.จชต.) หน่วยนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ จ.นราธิวาส ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส กองกำลังสันติสุข รวม 214 นาย เพื่อชี้แจงภารกิจสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ตามนโยบายเสริมสร้างความสันติสุขในพื้นที่จ.ชายแดนภาคใต้

พล.ต.อุดมชัยกล่าวในที่ประชุมว่า ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จว.ชายแดนภาคใต้มีมายาวนาน ในอดีต รัฐใช้นโยบายหลายประการ เพื่อให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดความมั่นคง และได้ผลดี จนกลุ่มขบวนการโจรก่อการร้ายกลุ่มต่างๆ สลายตัวและอ่อนแอลง เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ไม่ได้ให้ความสำคัญ ทำให้ขบวนการก่อการร้ายไม่มีศักยภาพก่อเหตุความรุนแรง

พล.ต.อุดมชัยกล่าวต่อว่า แต่เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 กลุ่มคนร้ายกว่า 100 คนบุกจู่โจมปล้นปืนกองพันพัฒนา 4 ค่ายกรมหลวงราชนครินทร์ บ้านปีเหล็ง ต.มะรือโบออก ได้ปืนทางการกว่า 400 กระบอก ซึ่งเป็นจุดชี้การแตกหักของกลุ่มฝ่ายตรงข้ามที่มีความพยายามรวมตัวแสดงศักยภาพต่อกรอำนาจรัฐอีกครั้ง และจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนร้ายก่อเหตุความรุนแรงต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน จากการวิเคราะห์เห็นว่า ฝ่ายตรงข้ามใช้กลยุทธ์และยุทธวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะกระทำความรุนแรง ก่อเหตุฆ่ารายวัน วางระเบิด ทำทุกรูปแบบเพื่อแสดงศักยภาพ แต่ประชาชนเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำ ทั้งนี้เพื่อดึงประชาชนเป็นมวลชนเกราะกำบัง ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความอดทน ทำหน้าที่ในการปราบปราม และป้องปราม ที่สำคัญคือการดึงประชาชนให้กลับมาเป็นมวลชนของรัฐ ในลักษณะทำสงคราม"แย่งชิงมวลชน" และต้องเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เพื่อไม่ทำให้เกิดเงื่อนไขขึ้นมา ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาความไม่สงบขึ้นจนบานปลาย

ปลัดนราฯข้ามชายแดนเยี่ยม130คนไทย


เมื่อเวลา 14.00 น. นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ปลัดจังหวัดนราธิวาส นายนัจมุดดีน อูมา อดีตส.ส.เขต 3 นราธิวาส พรรคไทยรักไทย นายอนุพงษ์ พันธชยางกูร อดีตกำนันตำบลโต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี อดีตผู้ต้องหาศาลยกฟ้องคดีปล้นอาวุธปืนจากกองพันพัฒนา 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ บ้านปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พร้อมด้วยคณะผู้นำศาสนา และประชาชนกว่า 30 คน นั่งรถตู้จำนวน 2 คัน ข้ามพรมแดนด้านด่านอ.สุไหงโก-ลก เพื่อเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่รัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนไทยจำนวน 130 คนที่หลบหนีไปจากเมืองไทย เพื่อขอลี้ภัยการเมืองเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อขอพบและเยี่ยมสภาพความเป็นอยู่ และเจรจาเพื่อพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการเดินทางกลับมายังบ้านเกิดด้วยความสมัครใจ

ในการร่วมเจรจาครั้งนี้ ตัวแทนของรัฐบาลไทยยังได้รับรองที่จะอำนวยความสะดวกในการเดินทางจนถึงบ้านเกิด และรับรองว่าเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลไทยจะดูแลความเป็นอยู่ และความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่ รวมทั้งรับที่จะหาอาชีพหลักที่มั่นคงรวมถึงเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง และจะนำคำแนะนำหรือคำร้องขอจากคนไทยทั้ง 130 คนเสนอต่อพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ เพื่อนำไปพิจารณาหามาตรการให้ความช่วยเหลือต่อไป

รายงานแจ้งว่า การเดินทางไปของตัวแทนรัฐบาลไทยในครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามไปเสนอข่าวแต่อย่างใด

โจรใต้ประกบยิงดับขรก.ครูบำนาญ

เมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.ต.อนุสร จันทร์กลับ สารวัตรเวร สภ.อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงบนถนนสาย ยะรัง-มายอ ม.4 ต.ระแว้ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชัย อินทวงศ์ ผกก.สภ.อ.ยะรัง

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานล้มอยู่บนถนน พบศพนายธนนท์ เหมแก้ว อายุ 52 ปี ข้าราชการบำนาญครู อยู่บ้านเลขที่ 100 ม.3 บ้านปาเส ต.ตะโละ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่นายธนนท์ปั่นรถจักรยานออกจากบ้านพักเพื่อไปทำธุระในตัวอำเภอยะรัง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คนขับรถจักรยานยนต์ตามประกบยิงด้วยปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดจำนวนหลายนัด กระสุนถูกที่บริเวณศีรษะและลำตัว จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ สำหรับสาเหตุเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวกับการสร้างสถานการณ์ใต้

นางประทุม วรรณะ พี่สาวผู้ตาย กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยตักเตือนให้ระมัดระวังตัว เนื่องจากผู้ตายมักชอบปั่นจักรยานออกจากบ้านเพียงลำพังคนเดียว แต่ผู้ตายก็เฉยๆ และพูดเสมอว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกับใครและชอบซื้อขนมมาฝากเพื่อนบ้านเสมอ จนสุดท้ายถูกยิงเสียชีวิต

สำหรับนายธนนท์เข้าโครงการเกษียณอายุก่อนราชการรุ่นสุดท้าย เมื่อปี 2547 ที่โรงเรียนสมาหอ อ.มายอ จ.ปัตตานี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจและสกัดติดตามคนร้ายตามเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี และสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน พร้อมปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก จึงควบคุมตัวมาสอบสวนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุยิงนายธนนท์หรือไม่

ยะลาดุประกบยิงเฒ่า61 ดับอนาถ

เมื่อเวลา 09.00 น. ศูนย์วิทยุ 191 สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันที่บริเวณบนถนนสาย 410 ยะลา-เบตง ช่วงบ้านกาโสด อ.บันนังสตา จ.ยะลา มีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ทราบว่านายภิญโญ พลอยประเสริฐ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 ม.3 ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ถูกยิงเข้าบริเวณลำตัว 4 นัด อาการสาหัส แต่เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลบันนังสตา

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ นายภิญโญ ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปทำธุระ เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ตามประกบ ก่อนจะใช้ปืนไม่ทราบชนิดยิงจนเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ซุ่มยิงถล่มทหารเจ็บ1-ดวลปืนสนั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.00 น. เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามซุ่มยิงชุดทหารปฏิบัติการ ฉก. 1 นำโดยพ.อ.ชินวัตร แม้นเดช หัวหน้าชุดเฉพาะกิจที่ 1 ที่บริเวณ ม.5 บ้านคอรอฆาเอ ม.5 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และเกิดการปะทะกัน ก่อนที่คนร้ายจะล่าถอยไป นอกจากนั้นคนร้ายยังโรยตะปูเรือใบ เผาล้อยางรถยนต์ วางวัตถุต้องสงสัย ตัดต้นไม้ขวางถนนตามเส้นทางเพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่อีกด้วย ส่วนทหารได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือพลทหารธานินทร์ เกษียรพรหมลาภ ถูกกระสุนปืนที่ขา จึงนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ พ.อ.ชินวัตรนำทหารชุดดังกล่าวเข้าไปตรวจสอบโรงเรียนบ้านบางลาง ม.3 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และโรงเรียนบ้านสาคู ม.5 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่ถูกลอบวางเพลิงเมื่อวันที่ 4 พ.ย. จนถูกซุ่มยิงในระหว่างการเดินทางกลับ

ม็อบ300ปิดล้อม-ไล่ฐานตชด.


เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. กลุ่มชาวบ้านบ้านบาเจาะ หมู่ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา กว่า 300 คน ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและสตรีมุสลิมรวมตัวกันปิดล้อมโรงเรียนบ้านบาเจาะ ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 3202 เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเหตุลอบยิงทหารเฉพาะกิจเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นเรียกร้องให้ตำรวจตระเวนชายแดนชุดดังกล่าวจำนวน 40 นายถอนกำลังออกจากพื้นที่ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมรวมกลุ่มอยู่ตรงบริเวณประตูด้านข้างของโรงเรียน ใกล้กับมัสยิด พร้อมเขียนป้ายไล่ และทั้งตะโกนว่า "ออกไปๆ"

ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา นายอิสมาย สามะ บิดาของนายอับดุลเลาะ สามะ ผู้ต้องหาคดีก่อความไม่สงบ ที่ถูกจับกุมและได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา ถูกยิงเสียชีวิต โดยกลุ่มชาวบ้านเชื่อว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้จุดที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กับฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดน แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนในฐานออกมาสกัดกั้นคนร้ายแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางที่จะเดินทางเข้าไปยังโรงเรียนบ้านบาเจาะนั้น มีการโรยตะปูเรือใบ และตัดต้นไม้ไปขวางทางเพื่อสกัดกั้นการเดินทางของเจ้าหน้าที่และเผาล้อยางรถยนต์ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่มีการประชุมประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มีนายการันต์ ศุภกิจวิเลขการ รักษาการผู้ว่าฯยะลา พล.ต.ต.ไพทูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จว.ยะลา และกำลังในพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมเข้าต่อรองกับกลุ่มชาวบ้าน

ยอมถอนตชด.วันนี้-ชาวบ้านสลายตัว

ต่อมาเวลา 17.00 น. เมื่อกำลังผสมทหาร ตำรวจ และพลเรือนเคลื่อนกำลังจากสภ.อ.บันนังสตาเข้าสู่โรงเรียนบ้านบาเจาะ หลังจากเคลียร์เส้นทางเข้าสู่โรงเรียนเสร็จเรียบร้อย พ.อ.ชินวัตร พร้อมด้วยนายการันต์นำรถพร้อมเครื่องเสียงเข้าเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยแต่งตั้งให้นายมะยูโซะ อาลีมามะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขื่อนบางลาง และนายวีรยุทธ เหล็มเลาะ ปลัดอำเภอบันนังสตา หัวหน้าประจำตำบลเขื่อนบางลาง เป็นตัวแทนดำเนินการเจรจากับกลุ่มแกนนำ

โดยขั้นแรก แกนนำชาวบ้านเสนอผ่านตัวแทนทั้งสองคนให้ถอนกำลังตำรวจตระเวนชายแดนออกจากโรงเรียนบ้านบาเจาะ จากนั้นตัวแทนจึงนำข้อเรียกร้องเสนอต่อหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ โดยหัวหน้าชุดเฉพาะกิจเสนอว่าจะถอนกำลังตชด.ออกภายใน 3 วัน ตัวแทนทั้งสองจึงนำเสนอทางแกนนำอีกครั้ง

ในที่สุด แกนนำชาวบ้านเสนอให้ตำรวจตระเวนชายแดนต้องถอนกำลังภายในวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งหัวหน้าเฉพาะกิจรับข้อเสนอ โดยพร้อมจะถอนกำลังออกจากหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ภายในวันที่ 6 พ.ย. หลังจากแกนนำชุดเฉพาะกิจนำข้อตกลงดังกล่าวเสนอต่อแกนนำผู้ประท้วง จากนั้นแกนนำผู้ชุมนุมซึ่งอยู่ในมัสยิดหลังโรงเรียนได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมทุกคนทราบ ก่อนจะสลายตัวในเวลา 18.00 น.

วันเดียวกัน นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศอ.บต. กล่าวว่า การประท้วงครั้งนี้มีเรื่องลึกๆ ที่เป็นปัญหาเดิมระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้าน จึงต้องใช้ความอดทนในการแก้ไขปัญหา

บึ้มถล่ม"พ.อ."สาหัส-ลูกน้องดับ2

เมื่อเวลา 21.00 น. วันเดียวกัน เกิดเหตุระเบิดบริเวณถนนสายยะลา-เบตง หมู่ 2 ต.บันนังสาเรง อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังสันติสุข ซึ่งเดินทางกลับมาจากร่วมเจรจากลุ่มผู้ชุมนุมที่โรงเรียนบ้านบาเจาะ เสียชีวิตคาที่ 2 นาย คือจ.ส.อ.ธงชัย ทองแดง ส.อ.สุรศักดิ์ เชนนาดี นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 3 นาย คือพ.อ.เชษฐา ตรงดี ผบ.ฉก.กองกำลังสันติสุข จ.ส.ต.สุคนธ์ พรหมสินธุ์ และส.อ.เกรียงไกร สีนวล ขณะนี้ถูกนำตัวส่งร.พ.ศูนย์ยะลา

ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คนร้ายลอบวางระเบิดไว้ริมถนนดังกล่าว เมื่อคณะของนายทหารชุดดังกล่าวผ่านมา คนร้ายกดสัญญาณระเบิดดังสนั่น เป็นเหตุให้มีทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บ

วันเดียวกัน นายพระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการศอ.บต. กล่าวว่าการประท้วงครั้งนี้เรื่องเล็กๆ ที่เป็นปัญหาเดิมระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้าน จึงต้องใช้ความอดทนในการแก้ไขปัญหา

"สนธิ"สั่งแม่ทัพ 4 แก้ไขเบ็ดเสร็จ


ด้านพล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้รับทราบรายงานในพื้นที่หมดแล้ว ซึ่งชาวบ้านที่อ.บาเจาะเข้าใจว่าเหตุการณ์ในพื้นที่เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา มีญาติของชาวบ้านเสียชีวิต ก็เข้าใจว่าตชด.ไปเป็นผู้ฆ่าญาติชาวบ้านของมวลชน ซึ่งตนสั่งการไปยังผบ.ฉก.1 ที่ดูแลในพื้นที่เข้าไปทำการเจรจา และขณะนี้สั่งการให้ตชด.ในพื้นที่ทั้งหมดถอนกำลังออกมาตามที่ชาวบ้านขอร้อง และสับเปลี่ยนกำลังใหม่เข้าไปทดแทน ซึ่งให้อำนาจเต็มกับผบ.ฉก.1 พิจารณาว่าจะแก้ไขสถานการณ์ในเบื้องต้นอย่างไร และรายงานให้พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)รับทราบแล้ว เชื่อว่าขณะนี้ปัญหาทุกอย่างน่าจะยุติ และไม่มีอะไรแล้ว ส่วนตนขณะนี้กำลังเข้ากทม.เนื่องจากในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก

แหล่งข่าวระดับสูงทบ.เผยว่า พล.อ.สนธิได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต.บาเจาะแล้ว ขณะนี้ทางคมช.ทุกคนทราบปัญหาแล้ว โดยพล.อ.สนธิสั่งการให้พล.ท.วิโรจน์ ในฐานะผอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งกำกับดูแล ศอ.บต. และพตท.43 ซึ่งมีอำนาจเต็มในพื้นที่เป็นผู้สั่งการดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งหมด โดยภาพรวมขณะนี้ไม่น่าจะมีปัญหา สถานการณ์ทุกอย่างเข้าใจกันหมดแล้ว ทั้งชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ เพราะเกิดการเข้าใจผิดว่าตชด.เป็นผู้ฆ่าญาติชาวบ้านในพื้นที่ จึงระดมมวลชนเพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ ซึ่งจุดนี้เราก็กลัวเหตุจะบานปลาย จึงสั่งการให้แม่ทัพรีบแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

พล.อ.สนธิ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯกล่าวคำขอโทษต่อชาวไทยมุสลิมถึงการทำงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา นั้นว่า ตนรู้สึกประทับใจ และชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไทยก็กล่าวขอโทษกลับมาเช่นเดียวกัน ทำให้การแก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้เกิดความสมานฉันท์และมีทิศทางแก้ปัญหาให้ดีขึ้น ทั้งนี้การกล่าวคำขอโทษของนายกฯ ตนไม่ทราบมาก่อน แต่เชื่อว่าคำขอโทษนี้จะทำให้การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นและได้รับความร่วมมือดีขึ้น

"อารีย์"เชื่อสถานการณ์ใต้จะดีขึ้น

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่บ้านพักอุปถัมภ์เยาวชนใต้ ในโครงการ "สานใจไทยสู่ใจใต้ แขวงสะพานสูง" นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมเยาวชนใต้ในโครงการฯ ถึงความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังเกิดความรุนแรงว่า เป็นเรื่องลำบากที่จะไปบังคับให้การก่อเหตุลดน้อยลง เพราะเป็นเรื่องของคนที่คิดไม่ดี คนที่คิดร้าย เรายังยืนยันถึงความรักความสมานฉันท์ ซึ่งนายกฯ ให้คำมั่นว่าจะทำงานด้วยความรักความสามัคคี และได้ขอโทษในความผิดที่เกิดขึ้น น่าจะทำให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจ ซึ่งคนที่ก่อเหตุยังไม่เข้าใจหรืออาจจะมีเจตนาอื่น ตนเชื่อว่าหลังฟื้นศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สถานการณ์จะคลี่คลายลง อย่างไรก็ตามยังระบุไม่ได้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะทำให้สถานการณ์สงบ เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำเป็นความหวังดีต่อประเทศชาติ ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น

"เรายืนยันจะทำอย่างดีที่สุด จะให้ความรักกับพี่น้องประชาชนเหมือนกับที่ให้ความรักกับคนทั่วประเทศ ความคิดที่น้อยเนื้อต่ำใจว่า คนภาคใต้ได้รับสิ่งต่าง ๆ แตกต่างจากภาคอื่นจะไม่ให้มีเกิดขึ้น" นายอารีย์ กล่าว

รมว.มหาดไทยกล่าวต่อว่า รัฐบาลจะพยายามทำความเข้าใจกับประชาชน เชื่อว่าอีกไม่นานประชาชนในพื้นที่จะเข้าใจว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่รัฐบาลจะทำคือความเสมอภาค และความสุจริตใจในทุกสิ่งที่จะลงไปดำเนินการ งานทุกอย่างจะต้องไม่มีการคอร์รัปชั่น เม็ดเงินทุกเม็ดจะต้องเข้าถึงประชาชน นอกจากนี้ต้องมีความสมานฉันท์ ที่จะสร้างให้ข้าราชการรักประชาชน ให้ประชาชนรักกันเอง และความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจเพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข สำหรับการก่อเหตุที่ยังคงเกิดขึ้นอย่ามองเป็นการท้าทาย ขอให้สื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจ เสนอข้อมูลข่าวสารที่ส่งเสริมให้เกิดความสมานฉันท์

ครป.แนะฟื้นกอส.ขึ้นใหม่ดับไฟใต้

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาครป. แถลงถึงกรณีการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า 1.ครป.สนับสนุนแนวทางสมานฉันท์ของรัฐบาล โดยเฉพาะการออกมากล่าวขอโทษของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีต่อผู้นำศาสนาและประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากความผิดพลาดทางนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณนับหนึ่งของแนวทางสมานฉันท์ เพราะเป็นหลักสำคัญของสมานฉันท์คือการพูดและยอมรับความจริง ซึ่งรัฐบาล เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องอดทน อดกลั้นและยึดมั่นในแนวทางสมานฉันท์ และสันติวิธีอย่างแท้จริง

นายพิภพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะต้องเร่งพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนในพื้นที่ และให้ประชาชนมั่นใจว่า แนวทางสมานฉันท์ของรัฐบาล ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ปากว่าตาขยิบเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม การใช้มาตรการทางนิติวิทยาศาสตร์ และให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมทุกระดับ คดีอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร คดีอุ้มฆ่าอื่นๆ และการละเมิดสิทธิของประชาชนในพื้นที่จะต้องถูกทบทวนพิจารณาคดีใหม่ เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับประชาชนโดยเร็ว โดยการตั้งคณะกรรมการพิเศษ โดยคัดเลือกจากอดีตคณะกรรมการ กอส.ซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่เป็นอย่างดีเพื่อสอบสวนคดี เพราะหากใช้ระบบราชการตามปกติเกรงว่าจะเกิดความล่าช้า

นายพิภพ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ครป.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลฟื้นฟูแนวคิดและแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ขึ้นมาใหม่ รวมทั้งนำรายงานที่กอส. เคยทำไว้ แต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ เพิกเฉย ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหามาพิจารณาอีกครั้ง เพื่อทำงานหนุนเสริม และคู่ขนานกับรัฐบาลในการคลี่คลายปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอาจนำบุคคลจากกอส.เดิม หรือบุคคลอื่นที่มีความเข้าใจและจริงใจในการแก้ปัญหาภาคใต้ร่วมเป็นคณะกรรมการ

หนุนเร่งคลี่คดีอุ้มทนายสมชาย


นายพิภพ กล่าวต่อว่า ครป.เห็นกับกรณีการดำเนินคดีกับขบวนการอุ้มทนายสมชาย เนื่องจากคดีดังกล่าวทำลาย และท้าทายกระบวนการยุติธรรม จนทำให้ประชาชนและประชาคมโลกไม่เชื่อมั่นระบบยุติธรรมของประเทศ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งเดินหน้าพิสูจน์หลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย และครอบครัวนีละไพจิตรได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามคดีนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลในอำนาจเก่า และนายตำรวจระดับสูงซึ่งยังมีบทบาทสำคัญในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาคนผิด โดยเฉพะคนสั่งการอยู่เบื้องหลังมาลงโทษได้

"ที่ผ่านมาบทบาทของพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร คนปัจจุบันไม่ได้จริงจังกับการสะสางหรือดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด และยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหา ครป.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลมีคำสั่งปลดหรือย้าย ผบ.ตร คนปัจจุบัน เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่สามารถสะสางคดีได้อย่างตรงไปตรงมา" นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้มี 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม และพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 2. กลุ่มที่ต้องการพื้นที่ทางการเมืองต้องการเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ 3.กลุ่มที่ยืนยันว่าจะต้องได้รับเอกราชอย่างเดียว ทั้งนี้กลุ่มที่หนึ่ง รัฐบาลจะต้องดำเนินการให้ความยุติธรรม โดยสะสางคดีให้กับประชาชนในพื้นที่ เช่น กรณีกรือเซะ สะบ้าย้อย การที่นายกฯกล่าวคำขอโทษถือว่าเป็นคำเริ่มต้นที่ดีแล้ว สำหรับกลุ่มที่ 2 ตนอยากให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่บัญญัติพื้นที่พิเศษ แต่ไม่ใช่เขตปกครองพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ อย่าถือว่าเป็นการต่อรองหรือเสียหน้า เพราะแม้แต่พื้นที่อื่นๆก็สามารถทำได้ และจะแก้ปัญหาทางการเมืองได้

"เมื่อทั้ง 2 กลุ่มได้รับการแก้ปัญหาก็จะเป็นการโดดเดี่ยวกลุ่มที่ต้องการเอกราชที่เขาพร้อมจะเสียเลือดเนื้อ ผมจึงหวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะมองปัญหาภาคใต้ทั้งระบบ เชื่อว่าจะแก้ไขปัญหาได้ อย่าคิดว่าการฟื้น ศอ.บต.และการกล่าวคำขอโทษจะแก้ปัญหาภาคใต้ได้ทั้งหมด แต่เป็นการเริ่มต้นได้ระดับหนึ่งเท่านั้น" นายพิภพกล่าว

"ชวน"แนะยึดหลักกฎหมายดับไฟใต้

เมื่อเวลา 14.15 น. นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศขอโทษประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ทั้งหมดแล้วจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่ว่า ขณะนี้จะเห็นว่าความรุนแรงในพื้นที่ก็ยังมีอยู่ ตรงนี้ต้องตระหนักว่าสถานการณ์อาจเป็นเรื่องเหตุผลหลายประการประกอบกัน ในภาพรวมทั้งหมดอย่าไปเข้าใจว่าเกิดจากเหตุผลอันใดอันหนึ่ง มันมีหลายด้าน แม้กระทั่งความคิดเรื่องแบ่งแยกดินแดนก็มีอยู่พอสมควร แต่ช่วงหลังมีการพูดถึงเรื่องคนไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนมองว่านั่นคือเหตุผลเพียงข้อหนึ่ง แต่ความคิดเรื่องการเมืองก็มีมานานก่อนเหตุผลอื่น จะบอกว่าส่วนนี้หมดไปแล้ว ตนคิดว่าไม่จริง คนที่คิดเรื่องนี้ยังมีอยู่ แต่ว่าขณะนี้ การที่จะให้เรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นโดยอัตโนมัติ หลังการขอโทษหรือปรับวิธีการ ตั้งศอ.บต. การแก้ปัญหาคงไม่เป็นไปโดยอัตโนมัติ มันต้องเข้าไปดูภาพของความเป็นจริงทั้งหมด และปรับโครงสร้างที่จัดใหม่นี้ให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหา และอย่างไร ก็ต้องใช้หลักการบังคับให้เป็นไปตามกฎหมายที่เข้มแข็ง

"เวลาคิดจะทำอะไรก็มองเผื่อด้วย เช่นคิดจะถอนฟ้องผู้ต้องหา ก็ต้องมองเผื่อด้วยว่าจะทำให้มีผลติดตามมาหรือไม่ เพียงแต่ว่า ถ้าเขาไม่ผิด แต่ต้องฟ้องเพราะเป็นนโยบาย อย่างนี้ก็ไม่ควรทำ แต่ถ้ากระทำความผิดเกิดขึ้น การยึดกฎหมายไว้ จะตอบคำถามคนได้ยาว เมื่อไทยพุทธ ไทยมุสลิม ได้รับการปฏิบัติที่ต่างกันมันจะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี ดังนั้นต้องยึดหลักของบ้านเมืองก่อน เพื่ออธิบายคนทุกกลุ่มได้ เมื่อถูกถามถึงการปฏิบัติที่ต่างกัน ก็ตอบได้ว่าเรายึดหลักของบ้านเมืองในการปฏิบัติ อย่าพยายามให้มีข้อแตกต่างระหว่างคนไทยในพื้นที่ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาใด ถ้าทำผิด ก็ต้องให้รับผิด ถ้าไม่ทำผิด ก็อย่าไปยัดเยียดข้อหา" นายชวน กล่าว

สำหรับการถอนฟ้องกรณีตากใบควรอธิบายเหตุผลการถอนฟ้องกับประชาชนด้วยหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ตนคิดว่า การถอนฟ้องทำได้ ถ้าหากว่า รู้อยู่ว่าเขาไม่ผิด แต่ถ้าผิดแล้วถอนฟ้อง อธิบายอย่างไร ต้องยึดหลัก การยึดหลัก ไม่ใช่การไม่ประนีประนอม แต่การประนีประนอม คือการให้ทุกฝ่ายอยู่ภายใต้การปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน ไม่อย่างนั้น อีกหน่อย พอคนพุทธถูกฟ้อง ก็ต้องถอนฟ้อง หรือคนมุสลิมถูกฟ้อง ก็ต้องถอนฟ้อง อย่าไปทำให้เกิดความรู้สึกว่าเลือกปฏิบัติ ความผิดพลาดอย่างรุนแรงที่สุดของระบบทักษิณ คือเรื่องนี้เองที่มีการไปทำนอกกฎหมาย จนทำให้เกิดความรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย มีความรู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้งและไม่เป็นธรรม โดยอธิบายไม่ได้ เพราะทำนอกกฎหมาย แต่ถ้าเรามีหลัก อธิบายได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม แต่ระบบทักษิณ ในที่สุดอธิบายไม่ได้ ว่าทำไมจึงปฏิบัติอย่างนั้น เพราะขณะนั้นมีกระแสสนับสนุนรัฐบาลมาก คนก็ไม่กล้าพูด มีคนท้วงติงพ.ต.ท.ทักษิณคนเดียวสมัยนั้นที่เป็นฝ่ายราชการ คือรองแม่ทัพภาค 4 นอกนั้นคือฝ่ายการเมือง คือพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนั้นไม่มีใครกล้าท้วงติง มันก็บานปลายมาเป็นปัญหาร้ายแรงของบ้านเมือง ดังนั้นถ้าจะแก้ปัญหาระยะยาวต้องอิงหลัก ออกนอกหลักแล้วอธิบายยาก อย่าให้เกิดความขัดแย้ง ปัญหาความไม่สงบมีอยู่แล้ว แต่อย่าทำให้พี่น้องพุทธ มุสลิม เกิดความรู้สึกขัดแย้งกันเองมากกว่านี้


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์