วัดจัดลอยกระทง ห้ามโคโยตี้เต้น

"กลายเป็นประเด็นใหญ่"


การเต้นโคโยตี้ในงานบุญบั้งไฟที่จังหวัดหนองคาย ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตร ผ่านสื่อทีวีและทรงมีพระราชปรารภแสดงความห่วงใยถึงความไม่เหมาะสม จนกลายเป็นประเด็นให้หน่วยงานหลายแห่งออกมารับสนองพระราชปรารภ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในงานบุญหรืองานที่เกี่ยวข้องกับประเพณีวัฒนธรรมไทยขึ้นอีก

ทั้งนี้ นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ถึงกรณีที่อาจมีการนำการแสดงโคโยตี้ หรือการแสดงที่ไม่เหมาะสม มาจัดภายในงานเทศกาลลอยกระทงที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. ว่า ขณะนี้พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะต่อประเพณี วัฒนธรรม แม้ว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคล แต่การกระทำต้องไม่เสื่อมเสียต่อวัฒนธรรมอันดีงาม ซึ่งโคโยตี้ เข้าข่ายผิดประเพณี วัฒนธรรม ตาม พ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2485 ที่สำคัญเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชปรารภห่วงใยสังคมไทย เราทุกคนควรน้อมรับไว้เหนือเกล้าแล้วปฏิบัติตาม หากทุกฝ่ายยึดพระราชปรารภของสมเด็จพระนางเจ้าฯ และคำนึงถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มากกว่าเรื่องสิทธิเสรีภาพ ก็จะไม่เป็นการทำลายวัฒนธรรมประเพณีการลอยกระทง ชาวต่างประเทศที่มาเที่ยว อยากเห็นวิถีชีวิตคนไทยที่เจริญรุ่งเรืองกับสายน้ำ ไม่ได้ อยากมาเห็นโคโยตี้

"ขอความร่วมมือไม่ให้วัดจัดงานมีโคโยตี้"


ด้านนางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงจะมีการจัดงานรื่นเริง มีมหรสพทั้งในวัดและนอกวัด จึงขอความร่วมมือไปยังเจ้าอาวาส คณะกรรมการวัด ผู้ประกอบการร้านค้า ให้ช่วยดูแลการจัดกิจกรรมที่เหมาะสม ตลอดจนการแต่งกายและท่าเต้นด้วย เช่น การแสดงหมอลำซิ่ง ไม่ให้เลยเถิดนุ่งสั้นและเต้นยั่วยุทางเพศ แบบถึงพริกถึงขิง จนเลยขีดความเหมาะสมไป โดยเฉพาะการเต้นโคโยตี้ไม่ควรจะมีเลย

วันเดียวกัน คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังถวายกฐินและการทอดผ้าป่าสามัคคีให้กับวัดต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ วัดโคกสมานคุณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ขณะนี้หลายจังหวัดประสบภัยน้ำท่วม ดังนั้นการจัดงานรื่นเริงต่างๆ ไม่ควรจัดให้ใหญ่โตมากนัก ส่วนเรื่องการแสดงรื่นเริงที่อาจจะไม่เหมาะสม ขัดต่อประเพณี วัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะในวัด ขอให้ยึดระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการจัดงานวัด พ.ศ. 2537 ที่ระบุว่า การจัดงานวัดทุกประเภท จะต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย ศีลธรรม กฎหมาย และระเบียบหรือคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ห้ามมิให้การแสดงใดๆ อันเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธศาสนา พระธรรม หรือพระสงฆ์ ห้ามมีการพนันและหารายได้โดยวิธีเสี่ยงโชคเลียนแบบการพนัน ห้ามมีการเต้นรำ รำวง และการแสดงภาพนิ่งหรือภาพยนตร์ลามกอนาจาร การแสดงระบำหรือการแสดงอย่างอื่น ที่เป็นการยั่วยุกามารมณ์ ห้ามแข่งขันมวย หรือทรมานสัตว์ เช่น กัดปลา ชนไก่ ชนโค เป็นต้น รวมทั้งไม่ให้มีการจำหน่ายสุราหรือการเลี้ยงสุรา การประกวดสาวงามและการแสดงการแต่งกายที่ขัดต่อศีลธรรมและวัฒนธรรม หากเจ้าอาวาสรูปใดฝ่าฝืนระเบียบมหาเถรสมาคมนี้ ให้ถือว่าละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ และต้องได้รับโทษฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ

"ทำวิจัยโคโยตี้"


ด้านนายสุขุม เฉลยทรัพย์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยถึงโครงการความร่วมมือในการทำงานวิจัยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย ระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม กับสวนดุสิตโพล ว่า คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว. วัฒนธรรม มอบหมายให้สวนดุสิตโพลในการทำวิจัยเชิงสำรวจประชาชนทั่วประเทศ เกี่ยวกับสภาพการณ์ปัจจุบันของวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมต่างประเทศ ซึ่งทำให้วัฒนธรรมไทยสั่นคลอน รวมถึงการหามาตรการเชิงรุกในการ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ฉะนั้นประเด็นกระแสสังคมเรื่องการเต้นโคโยตี้ หรือสาวพริตตื้ที่แต่งกายและแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ก็จะอยู่ในงานวิจัยครั้งนี้ด้วย

จะเห็นได้จากกรณีข่าวโคโยตี้ เป็นสิ่งที่สังคมไทยรับรู้มานานแล้ว แต่ก็ถูกปล่อยปละละเลยกันมานาน เช่น เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า มีการนำนักเต้นโคโยตี้ไปเต้นภายในงานศพในวัด ก็เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีใครออกมาพูดอะไร ส่วนประเด็นในขณะนี้หากไม่ใช่พระราชปรารภของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กระแสสังคมก็จะไม่ใส่ใจ ที่สำคัญคงต้องจับตามองการจัดงานมอเตอร์โชว์ ที่มีการนำสาวพริตตี้รถยนต์และมอเตอร์ไซค์มาร่วมแนะนำรถ แต่จากเดิมธุรกิจเหล่านี้เน้นการแสดงบุคลิกภาพที่สวยงามของสาวพริตตี้ แต่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมไปมากมีการสอดแทรกการแสดงของโคโยตี้เข้ามา กระทรวงวัฒนธรรมจะต้องมีแนวทางป้องกันที่ชัดเจนในระยะยาว ไม่ใช่แก้ปัญหาตามกระแส อีกทั้งการนำกฎหมายมาห้ามนั้นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ดังนั้น งานวิจัยวัฒนธรรมไทย จะสร้างความเข้มแข็งและเห็นผลได้ชัดเจน นายสุขุมกล่าว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์