ไปถึงไหนแล้ว คดีที่ดินพระพยอม

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ สภาทนายความ พร้อมทนายความ 6 คน เดินทางเข้ากราบนมัสการพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เพื่อยื่นมือให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย คดีที่มูลนิธิวัดสวนแก้วมีปัญหาเรื่องการซื้อที่ดิน 1 ไร่เศษ จากนางวันทนา สุขสำเริง เมื่อปี 47 ในราคา 10 ล้านบาท

แต่ภายหลังเจ้าของที่ดินเดิมร้องต่อศาลให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์นางวันทนา ซึ่งครอบครองปรปักษ์ เนื่องจากมีการออกโฉนดที่ดินทับซ้อน โดยก่อนหน้านี้ศาลได้สั่งเพิกถอนสิทธิ์ที่ดินแปลงใกล้เคียงเนื้อที่ 9 ไร่ ที่นางวันทนาขายให้ผู้ซื้อรายอื่นไปแล้ว

มาพบหลวงพ่อเพื่อขอเอกสารและสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น จะนำข้อมูลที่ได้ไปศึกษาช่องทางกฎหมายให้ความช่วยเหลือกับทางวัด โดยเรื่องทั้งหมดอยู่ในกระบวนการของศาลชั้นต้น จะรอดูว่าศาลจะใช้เหตุผลอย่างไรในการตัดสิน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

จากนั้นจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ร่วมกับคำพิจารณาของศาลเพื่อเตรียมยื่นเรื่องต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป

ขณะเดียวกัน สภาทนายความจะทำเรื่องส่งตัวแทนเข้าไปร่วมนัดไต่สวนคดีในวันที่ 8 และ 9 พ.ย.นี้ด้วยทั้ง 2 คดี เพื่อไม่ให้ทางวัดถูกเอารัดเอาเปรียบทางด้านกฎหมาย นอกจากนี้ จะนำกรณีของพระพยอม นายไฮ และนางรัตนา สัจจเทพ ไปศึกษาเป็นคดีตัวอย่างเพื่อหาวิธีการแก้ไขปรับปรุงไม่ให้เกิดกรณีซ้ำซากในสังคมต่อไป

ดีใจที่สภาทนายความเป็นห่วงเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย ทำให้สบายใจขึ้นอีกเปลาะ เพราะที่ผ่านมาทางวัดไม่เคยมีทนายความ เนื่องจากไม่คิดว่าจะมีเรื่องฟ้องร้องกับใคร

สำหรับนางวันทนานั้น

อาตมาไม่ติดใจเอาความเพราะเข้าใจว่ามีเจตนาบริสุทธิ์ เป็นคนซื่อเกินไปจนเกิดเรื่อง ทั้งที่ทางวัดน่าจะเป็นฝ่ายฟ้องร้องนางวันทนาเพื่อเรียกร้องเงินคืน

แต่กลับต้องมาเสียรู้ทนายเจ้าเล่ห์ ในตอนท้าย พระพยอมยังพูดทีเล่นทีจริงด้วยว่า

หากวัดแพ้คดี แพ้ในสิ่งไม่ถูกต้อง อาตมาจะเอาระเบิดใส่บาตรแล้วไปเดินบิณฑบาตที่สำนักงานทนายความแห่งหนึ่งย่านปิ่นเกล้า พลีชีพเหมือนนายนวมทอง โชเฟอร์แท็กซี่จอมอุดมการณ์ก็เป็นได้

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ