´ราชินี´ ทรงตำหนิ ภาพสาว โคโยตี้ในงานบุญ

"การแต่งกายไม่ถูกกาลเทศะ"


สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชปรารภถึงความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการแต่งกายของผู้หญิงในยุคปัจจุบันที่ไปร่วมงานบุญงานกุศล โดยสวมเสื้อผ้าในชุดล่อแหลมและไม่รู้จักกาลเทศะ ทั้งนี้ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผย เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้รับหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการ ระบุว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ได้ทรงมีพระราชปรารภถึงเรื่องของการแต่งกายของผู้หญิง โดยทอดพระเนตรงานบั้งไฟพญานาคที่ จ.หนองคาย ผ่านสถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดออกมาให้เห็นภาพผู้หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อย แสดงท่าเต้นด้วยท่าทางที่ยั่วยุทางเพศเป็นอย่างยิ่ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชกระแสว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาโลก

"ควรมีจิตสำนึก"


มีชาวต่างประเทศที่มีจิตศรัทธามาบวชในประเทศไทยมากมาย พระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็มีมากว่า 800 ปีแล้ว วันสำคัญทางศาสนาก็เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนควรน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพ การจัดการแสดงใดๆในวันเหล่านี้จึงควรพิจารณาด้วยจิตสำนึกของความเป็นพุทธศาสนิกชน รู้กาลเทศะ ตลอดจนคำนึงถึงชื่อเสียงของประเทศไทยด้วย

รมว.วัฒนธรรมกล่าวต่อว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรการถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์ซึ่งเป็นงานที่จัดกิจกรรมภายนอกวัด ในเทศกาลออกพรรษา เพราะฉะนั้นเมื่อเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาจึงไม่ควรที่จะมีการแต่งกายหรือการแสดงที่ไม่ถูกกาลเทศะ เมื่อกระทรวงฯได้รับหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการแล้ว

"ปชช.ต้องประพฤติตนไม่ขัดต่อจารีต"


และพิจารณาว่าหลายองค์กรที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันรับผิดชอบตามที่กฎหมายระบุ โดยกระทรวงจะทำหนังสือแจ้งไปตามหน่วยงานต่างๆให้ทำหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิกฎหมายว่าด้วยการปกครองรักษาความสงบสุขของประชาชนของกระทรวงมหาดไทย ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดูแล กฎหมายว่าด้วยการโฆษณาสินค้าอุปโภค

บริโภคที่ขัดต่อศีลธรรมและวัฒนธรรมของชาติ อยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายว่าด้วยการจัดกิจกรรมในพื้นที่วัดที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม มหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ดูแล และ พ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2485 ที่ระบุว่าประชาชนต้องประพฤติตนไม่ขัดต่อจารีต ประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีของชาติ

"สื่อต้องไม่นำเสนอมากเกินไป"


ขณะนี้มีหน่วยงานต่างๆที่ทำหน้าที่ตามกฎหมายเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถดำเนินการควบคุมดูแลได้ แต่ ไม่มีองค์กรใดออกมาดำเนินการเลย ดังนั้น กระทรวงฯ จะต้องเชิญองค์กรที่เกี่ยวข้องมาหารือกันถึงการดูแลไม่ให้ เกิดพฤติกรรมที่ขัดต่อวัฒนธรรมไทย รวมทั้งหารือถึงปัญหาในการดำเนินการและหามาตรการปรับปรุงแก้ไขด้วย สำหรับสื่อมวลชนมีความสำคัญมาก

เพราะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรผ่านสื่อ พร้อมกับประชาชนทั่วประเทศที่ได้ชมภาพเหล่านี้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือถ้าไม่มีสื่อนำเสนอภาพของโคโยตี้เหล่านี้ ที่เต้นที่ จ.หนองคาย ให้ประชาชนทั่วประเทศได้เห็น ดังนั้น สื่อต้องมีวิจารณญาณในการนำเสนอ รวมทั้งต้องช่วยกันอย่างมาก ซึ่งจะเรียนเชิญสื่อมวลชนมาหารือร่วมกันถึงพฤติกรรมความไม่เหมาะสมต่างๆ ไม่ใช่เรื่องการแต่งกายเพียงอย่างเดียว เพื่อป้องกันและแก้ไขไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา รมว.วัฒนธรรมกล่าว

"สิ่งสำคัญคือพื้นฐานจากครอบครัว"


ผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจุบันหญิงสาววัยรุ่นมีค่านิยมไปประกอบอาชีพนักเต้นโคโยตี้ เพราะรายได้ดี แต่พฤติกรรมดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยและควรมีแนวทางแก้ไขอย่างไร คุณหญิงไขศรีกล่าวว่า เรื่องนี้ควรมีมาตรการทางกฎหมายออกมาควบคุม แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สิ่งสำคัญคือ ครอบครัวและโรงเรียนควรมีการอบรมบ่มเพาะเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรมให้กับเยาวชนตั้งแต่วัยเด็ก

เพื่อให้ตระหนักว่าอะไรผิด อะไรถูก แม้ว่าการศึกษาจะเป็นกลไกหนึ่งในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม แต่อย่างไรก็ตามการศึกษาก็ต้านโลกาภิวัตน์ไม่ได้ ในที่สุดเยาวชนต้องมีความตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ไม่ควรทำ พร้อมกันนี้จะขอไปหารือร่วมกับนายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ ถึงการแก้ปัญหาดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ภายในช่วงเวลาที่เป็น รมว.วัฒนธรรม จะพยายามรณรงค์อย่างเต็มที่ อีกทั้งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่นักการเมือง เพราะ ฉะนั้นคงไม่ทำอะไรเพื่อจะหาชื่อเสียง ดังนั้น ต้องหามาตรการที่ถูกต้องมาจัดการปัญหาดังกล่าว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์