เศร้า! หัวใจพิการแต่ต้องเลี้ยงอีก 8 ชีวิต

ทั้งภาพและข่าวอาชญากรรมมาหลากหลาย จนบางครั้งรู้สึกสลดหดหู่กับภาพและข่าวที่ได้นำเสนอออกไป ในขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวอาชญากรรมลงพื้นที่ไปทำข่าว ได้พบและประสบกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย และเรื่องที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้ ก็เป็นอีกชิ้นหนึ่งที่ได้ไปพบ จึงขอนำเรื่องราวของ"นายสาม" กับชะตาชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบอีกหลายชีวิต

แทบจะพังลงมาเมื่อมีสายลมกระทบฝาบ้าน จากผืนไม้ที่มีรอยกัดกร่อนด้วยแสงแดดจนเป็นร่องตะปู บ่งบอกว่า บ้านหลังนี้สร้างมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 หน้าฝน ความทรุดโทรมของบ้านเหมือนกับจะต้องซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน แต่แท้ที่จริงแล้วความเร่งด่วนที่จะเยียวยากลับเป็นร่างกายและจิตใจของคนที่อยู่ในบ้าน

ม.2 ต.ดอนมะเกลือ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ที่กล่าวมาข้างต้น มีผู้ที่อาศัยอยู่จำนวน3 คน ได้แก่

คุณลุงช่วย ยอยรู้รอบ อายุ 88 ปี ที่ป่วยเป็นโรค ต่อมลูกหมากโตมาแล้วนับปี ตอนนี้แม้ว่าอาการจะทุเลาขึ้นบ้าง แต่สังขารที่ชราทำให้ไม่สามารถที่จะฝืนร่างกายไปทำงานได้ แม้ว่าแกพยามจะฝืนอย่างสุดชีวิตแล้วก็ตาม

ส่วนลูกสาวของแก 2 คน ที่อยู่ในร่มชายคาเดียวกันคือ นางเขือ ยอยรู้รอบ อายุ 53 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคอัมพาต ไม่สามารถพูดและขยับเขยื้อนตัวได้ นอนอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้านมาแล้ว 3 ปี ทั่วทุกอณูของผิวหนัง เต็มไปด้วยสะเก็ดแผล มีเพียงแววตาที่จะบอกถึงความรู้สึก ซึ่งส่วนใหญ่จะเปอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาเมื่อนึกถึงโชคชะตาตัวเอง

มีนางสาวเหลือ ยอยรู้รอบ อายุ 57 ปี ลูกสาวคนโตของลุงช่วย ที่เจ็บป่วยออดแอดๆ เรื้องรังมาแล้วหลายปี ทำหน้าที่ พยาบาลจำเป็น เข้าเวรไม่มีเวลาหยุด คอยอาบน้ำ เช็ดตัว หาฟืนหุงข้าวให้กินประทังชีวิต ไปวันๆ การให้ยาคนไข้ของพยาบาลจำเป็นคนนี้ มีเพียงยาต้มแผนโบราณ เพราะไม่มีเงินที่จะพาคนไข้และตัวเองไปพบแพทย์แผนปัจจุบันได้เลย ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดเป็นหน้าที่ของนายสาม ยอยรู้รอบ อายุ 50 ปี ลูกชายคนสุดท้องของลุงช่วย ผู้ที่นิ้วเกือบทั้งหมดพิการ และแยกบ้านมีครอบครัวไปแล้ว

ค่าใช้จ่ายในบ้านพ่อ ผมจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด จะทิ้งได้อย่างไร พ่อและพี่สาว ก็เคยเลี้ยงเรามาจนโต ทุกวันนี้แม้จะจนแสนจนเพียงใดก็ไม่คิดจะทิ้งใครแล้ว ผมมีอาชีพปลูกผัก บางทีก็เหนื่อยแทบขาดใจ บางทีก็ขายไม่ได้กำไรเลย พยายามหาหน่อไม้ในสวนให้ภรรยานำไปขายที่ตลาด รายได้ก็ไม่แน่นอน วันไหนขายได้ถึง 200 บาท ถือว่าวันนั้นขายดีมากแล้ว ชีวิตผมลำบากมาก ผมทำงาน ไม่ใช่แค่เลี้ยงพ่อและพี่สาว


แต่ผมยังมีภรรยา มีลูกๆ ผู้หญิงอีก 4 คน คนแรกอายุ 13 ปี คนที่ 2 อายุ 11 ปี คนที่ 3 อายุ 10 ปี และคนสุดท้องอายุ 1 ปี 8 เดือน รวมแล้วถึงอีก 8 ชีวิต ที่ผมหาเงินเลี้ยง ผมใช้วิธีอดอมเข้าว่า อยากกินปลาก็หาเอาตามคูคลองเอง วันไหนไม่มีกินก็ต้องอดเอา แต่ถ้าวันไหน พี่ พ่อ เมีย หรือลูก ๆ ไม่มีกิน


บางครั้งก็คิดอยากฆ่าตัวตายเหมือนกัน เวรกรรมอะไรของผม ตัวเองก็พิการแล้วยังต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้อีก แต่พอคิดว่าหากเราตายไปแล้วใคร จะดูแลคนที่อยู่ข้างหลัง ทุกคนเหมือนแพแตก ผมเลยมีกำลังใจที่จะสู้ต่อนายสามบอกด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาของลูกผู้ชาย เอ่อล้นตลอดเวลา

รองนายกอบต.ดอนมะเกลือ เปิดเผยว่า ตอนแรก พอทราบเหมือนกันว่าครอบครัวของลุงช่วยได้รับความเดือดร้อนแต่ไม่คิดว่าจะได้รับความเดือดร้อนมากเพียงนี้ มาทราบภายหลังจากนายสามลูกชายของแกที่มาเล่าให้ฟังถึงชะตากรรมชีวิตพร้อมกับบ่นว่าอยากตาย จึงพยายามปลอบใจให้สู้ต่อ เพราะว่าหากไม่มีนายสาม จะทำให้คนที่เหลือลำบากกว่าที่เป็นอยู่นี้หลายเท่า ส่วนทางอบต.เองก็จะนำเรื่องนี้ เข้าที่ประชุมผู้บริหาร เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจะผลักดันให้ถึงที่สุด

สถาบันพัฒนาชุมชน จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ไปเห็นครอบครัวของลุงช่วยแล้ว สภาพความเป็นอยู่ลำบากมาก และได้ประสารกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้พิจารณาความช่วยเหลือแล้ว แต่จะได้เมื่อไหร่อย่างไรนั้นยังไม่ทราบ

ตรากตรำทำงานหนักฝืนชะตาชีวิตอย่างนายสาม ที่ตัวเองก็ร่างกายพิการ ยังหาเงินเลี้ยง คนป่วย ส่งลูกเรียนหนังสือ รวมอีก 8 ชีวิต น่าจะเป็นภาพสะท้อนถึงความเลื่อมล้ำในสังคมปัจจุบัน ระหว่างคนจนกับคนรวย ที่นับวันยิ่งมีช่องว่างห่างกันเรื่อยๆ ชีวิตของนายสามเพียงเรื่องเดียวที่ไม่แตกต่างกับคนรวย คือการที่จะต้องเสียภาษีให้รัฐในทุกปี เพื่อนำภาษีเหล่านั้นไปเป็นเงินเดือนของข้าราชการและนักการเมือง ก็เท่านั้นเอง

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก: ผู้จัดการออนไลน์ ( manager.co.th )