กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนภัยพายุกิสนา ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่นแล้ว มีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันออกของเวียดนาม จะขึ้นฝั่งวันนี้และจะเข้าสู่ประเทศไทยพรุ่งนี้ ภาคอีสานเจอก่อน เตือน 10 จังหวัด รวมทั้งประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยและที่ลาดเชิงเขา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนยอดตายที่ฟิลิปปินส์พุ่ง 140 ศพ แล้ว รัฐบาลต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยบรรเทาทุกข์จากนานาชาติ ขณะที่ทหารและหน่วยกู้ภัยเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต
เมื่อวันที่ 28 ก.ย. นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยม วิทยา แถลงข่าวประกาศเตือนภัยฉบับที่ 2 เรื่องพายุโซนร้อนกิสน่า ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. พายุกิสนาได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่น มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 420 ก.ม. ทางทิศตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม มีความ เร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 120 ก.ม.ต่อชั่วโมง พายุเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 10 ก.ม.ต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในวันที่ 29 ก.ย. และจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศลาวเข้าสู่ประเทศไทยแนวจังหวัดมุกดาหารวันที่ 30 ก.ย. นี้
นายสมชายกล่าวว่า ลักษณะดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ เริ่มที่ภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือก่อนในวันที่ 29 ก.ย. ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มของจ.นครพนม สกลนคร มุกดาหาร อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด อุบล ราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ระมัดระวังสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้
นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้ติดตามเส้นทางของพายุกิสนาอย่างใกล้ชิดและได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เตรียมพร้อมรับมือตามแผนที่มีการซักซ้อมและปฏิบัติการไว้ในช่วงฤดูฝน โดยการพร่องน้ำจากอ่างขนาดกลางและขนาดใหญ่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้มีช่องว่างที่จะสามารถรองรับปริมาณน้ำในกรณีฝนตกหนัก และชะลอน้ำบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ท้ายเขื่อน
นายชลิต กล่าวว่า ขณะนี้อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีปริมาณน้ำประมาณ 71 เปอร์เซ็นต์ของความจุ ยกเว้นอ่างเก็บน้ำลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ที่มีน้ำมาก ขณะนี้กำลังเร่งระบายน้ำเพิ่ม แต่อยู่ในปริมาณที่ชาวบ้านท้ายเขื่อนไม่เดือดร้อน ขณะเดียวกันได้เตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ประมาณ 1,200 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 112 เครื่อง ไว้สนับสนุนและช่วยเหลือประชาชน ขณะนี้ส่งไปช่วยเหลือพื้นที่น้ำท่วมแล้ว 13 จังหวัด 93 เครื่อง
วันเดียวกัน เอพีรายงานความคืบหน้าพิบัติภัยธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในกรุงมะนิลาและหลายจังหวัดในฟิลิปปินส์ จากฤทธิ์พายุโซนร้อนกิสนา ว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศขอความช่วยเหลือจากนานาชาติในด้านบรรเทาทุกข์ หลังผู้เสียชีวิตมากกว่า 140 ราย และต้องอพยพจากบ้านเรือนกว่า 5 แสนราย ในเหตุอุทกภัยที่สร้างความสูญเสียให้มากที่สุดในรอบกว่า 40 ปี
ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยและทหารฟิลิปปินส์ ต่างเร่งช่วยกันกู้ศพจากพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมและโคลนถล่มในกรุงมะนิลาและจังหวัดใกล้เคียง ขณะที่ทางการฟิลิปินส์ระดมทีมกู้ภัยและเรือ เข้าช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากการพัดถล่มของพายุโซนร้อน ส่วนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จมน้ำตายอยู่ในบ้านที่ถูกน้ำท่วมฉับพลัน
พายุโซนร้อนกิสนาที่พัดถล่มภาคกลางของฟิลิปปินส์ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. ทำให้ประชาชนกว่า 430,000 คนได้รับผลกระทบ ในจำนวนนี้ 115,000 คน ต้องไปพักอาศัยชั่วคราวตามโรง เรียนและโบสถ์ต่างๆ 200 แห่ง จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยชีวิตประชาชนได้กว่า 7,900 คนแล้ว
ด้านนางกลอเรีย อาร์โรโย่ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ และกำหนดเส้นตายให้เจ้าหน้าที่กู้กัยและทหารช่วยผู้ประสบภัยที่ยังติดค้างทั้งหมด แต่รายงานระบุว่า ยังมีผู้ประสบภัยอีกหลายร้อยคนที่ยังต้องใช้ชีวิตด้วยความหิวโหยและขาดน้ำเป็นคืนที่สอง
นายธานี ทองภักดี รองอธิบดี กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า รายงานเบื้องต้นจากสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศฟิลิปปินส์ แจ้งเตือนให้คนไทยระมัดระวังโรคระบาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากน้ำท่วม โดยทางรัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศให้พื้นที่ในบางส่วนของกรุงมะนิลาและอีก 25 จังหวัดใน 7 ภูมิภาค เป็นพื้นที่ภัยพิบัติแห่งชาติ รวมทั้งมีการตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน ทางรัฐบาลไทยติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รู้สึกเป็นห่วงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำลังพิจารณาเกี่ยวกับความช่วยเหลือต่อฟิลิปปินส์