พระอาการ ในหลวง ไม่มีไข้ บรรทมได้มากขึ้น ผลตรวจทางโลหิตวิทยาเป็นปกติ

สำนักพระราชวังแถลง ในหลวง ไม่มีพระปรอท ผลตรวจทางโลหิตวิทยาปกติ พระบรรทมได้มากขึ้น พระสหายวัย 95 ปี เดินทางจากปัตตานีร่วมลงนามถวายพระพร ให้ทรงหายจากอากรรพระประชวร มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน

สำนักพระราชวังแถลง ในหลวงไม่มีไข้ ผลตรวจทางโลหิตวิทยาปกติ พระบรรทมได้มากขึ้น พระสหายวัย 95 ปี เดินทางจากปัตตานีร่วมลงนามถวายพระพร ให้ทรงหายจากอากรรพระประชวร มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 7 เมื่อวันที่ 26 กันยายน ความว่า วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า ไม่มีพระปรอท (ไข้) ผลการตรวจทางโลหิตวิทยา ปรากฏว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ พระบรรทมได้มากขึ้น

ด้านบรรยากาศการลงนามถวายพระพรปรากฏว่า พสกนิกรทุกหมู่เหล่าเดินทางมาลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนมากกว่าทุกวัน เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ โดยบุคคลสำคัญที่มาร่วมลงนาม เช่น นายกล้านรงค์ จันทิก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มล.อนุพร เกษมสันต์ และครอบครัว ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิเทศสหการ ระดับ 10 กองงานส่วนพระองค์ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนี้ยังมากันเป็นกลุ่ม เช่น ชมรมนักมวยแห่งประเทศไทย นำโดย นายอนันต์ศักดิ์ ชาญกล้า หรือ อนันตศักดิ์ ร.ฟ.ท. รองประธานชมรม นายสมศักดิ์ เจริญเมือง อดีตนักมวยชื่อดัง

นายอนันตศักดิ์กล่าวว่า เมื่อปี 2505 เคยได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้สึกปลื้มปีติเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงชื่นชอบกีฬาทุกประเภท โดยเฉพาะมวย เคยเสด็จฯไปทอดพระเนตรตนชกที่เวทีราชดำเนิน นอกจากนี้ยังเคยได้รับทราบว่า ขณะที่โผน กิ่งเพชร อดีตแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทของไทยขึ้นชกกับนักชกชาวต่างชาติ แต่ขณะที่โผนกำลังจะหมดแรง เหลือบไปเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำให้เกิดฮึดสู้ จนชกชนะนักชกชาวต่างชาติรายนั้น และกลายเป็นตำนานที่หากนักชกไทยขึ้นสังเวียนเมื่อใด จะต้องนำพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงไปด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

เวลา 16.00 น. นายวาเด็ง ปูเต๊ะ อายุ 95 ปี พระสหายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยนายอับดุลเลาะห์ อาแว หลานชาย เดินทางมาจาก อ.สายบุรี จ.ปัตตานี มาลงนามถวายพระพร ก่อนเปิดเผยเป็นภาษายาวีผ่านล่ามว่า การถวายพระพรในหลวงก็เหมือนกับได้พบพระองค์ท่าน ซึ่งตนไม่ได้เข้าเฝ้ามา 3-4 ปีแล้ว เมื่อคืนนี้ก่อนที่จะเดินทางมารู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ตอนแรกจะเตรียมผลไม้ อาทิ ทุเรียน และลองกอง นำมาทูลเกล้าฯ ถวาย แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านฤดูกาลไปแล้ว จึงมาแต่ตัวเปล่า แต่มีจิตใจที่ต้องการมาถวายพระพรแทน และตั้งใจว่าจะพักอยู่ที่ กทม.ประมาณ 2 วัน หากในระหว่างนี้พระองค์เสด็จฯออกจากโรงพยาบาลก็จะมาเฝ้าฯ รับเสด็จ แต่ตอนนี้เป็นห่วงภรรยาที่กำลังป่วยเป็นอัมพฤกษ์อยู่ที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงหายจากพระอาการประชวร และมีพระชนมพรรรษายิ่งยืนนาน

น.ส.จุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปกติช่วงวันหยุดจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาไหว้พระมากอยู่แล้ว แต่วันนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้เหตุผลเดียวกันคือ มากราบขอพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หายจากอาการพระประชวร

นายอิทธิพันธ์ ขาวละมัย ประชาสัมพันธ์สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวว่า มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไหว้พระขอพรให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจำนวนมาก ทำให้การท่องเที่ยวคึกคักขึ้น