บึงสีไฟคึก แห่ชมภาพ3มิติยักษ์


        เผยลงสีบนถนน รูปน้ำตก-จระเข้ เนื้อที่ 400ตร.ม. มองจากมุมสูง! จะดูเหมือนจริง

        จังหวัดพิจิตรสร้างความฮือฮา เนรมิตพื้น ที่ "บึงสีไฟ" ให้มีภาพ 3 มิติ มหัศจรรย์ขนาดยักษ์ 2 ภาพ คือภาพน้ำตกกับภาพชาละวัน ถ้ามองจากมุมสูงลงมาดูเป็น 3 มิติ ถ้าลงไปยืนบนน้ำตกหรือในปากชาละวัน พอถ่ายจากหอดูนกที่ทำมุมลงมา 45 องศา จะดูเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ผวจ.เผยนักท่องเที่ยวรู้ข่าวแห่มาถ่ายรูปด้วยเป็นที่ระลึกอย่างคับคั่ง ทางด้านอาจารย์สถาปัตย์ ม.นเรศวร คนเสนอไอเดียและวาดเองเผยเห็นตัวอย่างจากเมืองนอก เลยเสนอให้ทำแทนปั้นรูปจระเข้ที่ซ้ำซาก ถือเป็นภาพ 3 มิติขนาดยักษ์ภาพแรกของไทย

        เมื่อวันที่ 24 ก.ย. นายสมชัย หทยะตันติ ผวจ.พิจิตร เปิดเผยถึงภาพวาด 3 มิติ บริเวณหอดูนกในบึงสีไฟว่า มีการวาดเป็นภาพน้ำตก 3 มิติ ที่ต้องมองจากมุมสูง ทำมุม 45 องศา โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-11.00 น. แสงอาทิตย์จะทำมุมกับภาพ ดูเหมือนเล่นอยู่ในน้ำตกจริงๆ ซึ่งถือว่าเป็นภาพมหัศจรรย์แห่งแรกของประเทศไทย ขณะนี้เสร็จแล้วทั้ง 2 รูป ส่วนภาพที่ 2 เป็นรูปตำนานชาละวัน ซึ่งถ้าลงไปนั่งในภาพแล้วถ่ายรูปออกมา จะเหมือนกับนั่งอยู่ในปากพญาชาละวัน มีหญิงสาวจำนวนมากลงทุนลงไปนอนราบกับพื้นเพื่อถ่ายภาพ โดยสมมติตัวเองว่าเป็น "ตะเภาทอง" ให้ชาละวันคาบเข้าถ้ำทอง โดยเชื่อกันว่าใครที่ถ่ายภาพที่จุดดังกล่าวจะได้พบรักกับหนุ่มพิจิตรอีกด้วย

        นายสมชัยกล่าวต่อว่า แนวคิดนี้มาจากอาจารย์ของมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก นำเสนอภาพ 3 มิติจากต่างประเทศให้ดู ซึ่งตนเห็นว่าน่าสนใจ จากนั้นตนก็มีแนวคิดในเรื่องของวรรณคดี จึงได้คัดเลือกภาพตำนานชาละวัน แล้วหาพื้นที่โดยเลือกเอาพื้นที่หอดูนกหลังบึงสีไฟ ซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างมาวาดภาพ 3 มิติ

        "ความแปลกของภาพคือเป็นสีธรรมดาทาที่พื้น แต่เมื่อมองจากมุมสูงแล้ว จะเห็นเป็นภาพ 3 มิติ ยิ่งเป็นภาพถ่ายจะเห็นความลึกความชัด ราวกับว่าอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ถึงเล่นน้ำไม่เป็นก็ไม่จมน้ำ หรืออย่างถ้ำชาละวันถ้าเราเข้าไปก็เหมือนอยู่ในปากถ้ำชาละวันจริงๆ นี่คือลักษณะเด่นของภาพ ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะมาชมและถ่ายรูปกันอย่างคับคั่งแล้ว ถือว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่บึงสีไฟเริ่มสัม ฤทธิผลแล้ว หากใครอยากจะไปพิสูจน์ความมหัศจรรย์ของภาพ 3 มิติอย่าลืมนำกล้องถ่ายรูปไปบันทึกภาพได้ดังกล่าว" ผวจ.พิจิตรกล่าว

        ด้านนายนรเศรษฐ์ ไวศยกุล อาจารย์ภาควิชาศิลปะและการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นคนออก แบบและวาดภาพดังกล่าวร่วมกับนักศึกษา เปิดเผยว่า ทางคณะทำงานร่วมกับ ผวจ.พิจิตร ซึ่งประสงค์จะปรับปรุงภูมิทัศน์ของบึงสีไฟ เดิมมีความคิดว่าจังหวัดพิจิตรมีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง อยากปั้นรูปจระเข้ตามที่ต่างๆ แต่รูปปั้นจระเข้ อาจทำให้ดูซ้ำๆ จึงนำเสนอไปว่าถ้าเป็นงานศิลปะจะเป็นอย่างไร จากนั้นได้ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับศิลปะตามท้องถนนในต่างประเทศ ซึ่งมีการประดับตกแต่ง หรือการเล่นกับพื้นที่ หลังประชุมกันหลายครั้งจึงตกลงสรุปจะวาดภาพ 3 มิติบนถนนในบึงสีไฟ ขณะที่เดินเข้าไปเหมือนกับลอยอยู่ เวลาวาดต้องมีการคำนวณอย่างดี

        นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า ใช้เวลาวาดภาพเหล่านี้ 1 เดือนเศษ โดยจังหวัดกำหนดให้เพียง 25 วัน เพราะจะใช้เปิดในงานวันแข่งเรือ แต่จริงๆ แล้วเป็นไปไม่ได้ โดยตนมีลูกมือมาช่วยทำงานเป็นลูกศิษย์ 5 คน เวลาวาดจริงคนที่วาดจะมองภาพไม่ออก หากวาดตามความรู้สึกจะเป็นมุมลง ต้องให้มองจากมุมอื่นไกลจากภาพ จึงต้องมีการคุมในการวาดทุกขั้นตอน ทุกครั้งจะต้องมีการร่างแบบ และขึ้นไปมองมุมสูงและมุมไกลจนมองเป็นภาพ 3 มิติ จากนั้นเริ่มลงสี เราใช้วิธีคิดแบบเดียวกับการสร้างฉากภาพยนตร์ จะถ่ายให้สมจริงต้องวาดรูปให้ฉากหลังมันหลอก

        "ภาพลักษณะนี้ในประเทศไทยยังไม่พบว่ามีที่ไหนที่ใหญ่ขนาดนี้ ใช้เงินเท่ากับปั้นจระเข้ แต่ได้สิ่งที่แปลกใหม่ขึ้นมา ค่าใช้จ่ายในการวาดคิดเป็นตารางเมตรละ 1,000 บาท ทั้งหมดประมาณ 310 ตารางเมตร แต่จริงๆ วาดไปประมาณ 400 ตารางเมตร ซึ่งทางจังหวัดสนับสนุนเงินมา 310,000 บาท" นายนรเศรษฐ์กล่าว

        นายนรเศรษฐ์กล่าวต่อว่า ระหว่างทำงานมีปัญหาพอสมควร เพราะวาดช่วงหน้าฝน ต้องมีเต็นท์กันฝน กลางวันแดดร้อนมาก บางครั้งมีผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่เข้าใจ เดินมาที่จุดวาดทำให้มีรอยเท้า เพราะบริเวณรอบๆ กำลังมีการปรับภูมิทัศน์ จึงต้องทำความสะอาดเช็ด และมาลงสีวาดแก้ไข ทำให้งานล่าช้าไปอีก ทางผู้ว่าฯ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยดูแลในช่วงทำงานตลอดทั้งวันและคืน หลังผลงานออกมาได้รับการตอบรับดีมาก โดยภาพน้ำตกมีเนื้อที่กว่า 300 ตารางเมตร ส่วนถ้ำชาละวันประมาณ 100 ตารางเมตร

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์