ด.ญ.เชื้อชาติมูเซอร้อง คว้ารางวัลเชียร์ตั้งชื่อแพนดา แต่อดไปเที่ยวเมืองจีนเหตุไร้สัญชาติไทย

"ด.ญ.นารวย" นักเรียนป.4 เชื้อชาติมูเซอ อ.แม่อาย ส่ออดไปเที่ยวเมืองจีน หลังคว้ารางวัลเชียร์ตั้งชื่อแพนดาน้อย"หลินปิง" เหตุไร้สัญชาติเพราะพ่อแม่ไม่มีเงินเดินทางไปแจ้งเกิด รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ชี้ถือเป็นบุคคลบนพื้นที่สูง สามารถนำหลักฐานไปขอสัญชาติไทยได้ เชื่อใช้เวลาไม่นาน ส่วนผอ.สวนสัตว์ระบุหากไปไม่ได้จะให้เงินปลอบใจแทน

เกิดปัญหาเด็กเกิดในประเทศไทยแต่ไร้สัญชาติไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้อีกครั้ง

คล้ายกรณี ด.ช.หม่อง ทองดี นักเรียน ป.4 โรงเรียนบ้านห้วยทราย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่เกือบไม่ได้เดินทางไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ จากการเปิดเผยผ่านรายการ "บุษบาบานเช้า" ทางสถานีโทรทัศน์สีช่อง 5 เมื่อวันที่ 10 กันยายน พิธีกรได้เชิญ ด.ญ.นารวย จะเติง อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยบิดา และนายนพรุจ แปงยวง ครูประจำชั้น มาออกรายการ เพื่อวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ ด.ญ.นารวย ซึ่งเป็นผู้โชคดีจากการส่งไปรษณียบัตรสนับสนุนชื่อแพนดาน้อย "หลินปิง" ขององค์การสวนสัตว์ ได้รางวัลที่ 3 เป็นเงินสด 100,000 บาท และตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-เฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ไม่มีสิทธิเดินทางไปเที่ยว เนื่องจากเป็นบุคคลไร้สัญชาติ

นายนพรุจกล่าวว่า ด.ญ.นารวยเกิดจากพ่อแม่ซึ่งมีสัญชาติไทย แต่มีเชื้อชาติ "ลาหู่" (ชนเผ่ามูเซอ)

โดยตอนที่คลอด ด.ญ.นารวยรวมถึงน้องอีก 2 คนออกมา พ่อแม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิด เพราะไม่สามารถจ่ายเงินเป็นค่าเดินทางไปยังตัวอำเภอซึ่งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านถึง 12 กิโลเมตรได้ ทำให้ด.ญ.นารวยและน้อง ๆ กลายเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ไม่มีสูติบัตร หรือหลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงถึงการเป็นคนไทย มีเพียงบัตรประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ที่ผ่านมาเคยมีกรณีเด็กไร้สัญชาติเช่นเดียวกับ ด.ญ.นารวย โดยเด็กเหล่านี้ได้ยื่นขอสัญชาติไทย ตามขั้นตอนคือ อันดับแรกตรวจดีเอ็นเอ จากนั้นไปแจ้งเกิดย้อนหลัง และแจ้งเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนราษฎร แต่ต้องใช้ระยะเวลานานเป็นปี หาก ด.ญ.นารวย จะดำเนินการคงไม่ทันกำหนดไปเที่ยวเมืองเฉิงตูแน่นอน

ด.ญ.นารวยกล่าวว่า ซื้อไปรษณียบัตร 1 ใบจากครูโรงเรียนบ้านท่าตอน ราคา 5 บาท จากเงินที่พ่อให้ค่าขนม 10 บาท

ส่งไปรษณียบัตรมาร่วมสนุก จนได้รับรางวัลที่ 3 รู้สึกดีใจมาก ก่อนมารับรางวัลต้องทำหนังสือขออนุญาตทางการขอออกนอกเขตเป็นกรณีพิเศษด้วยเหตุผลมนุษยธรรมเป็นเวลา 7 วัน เพื่อเดินทางมารับรางวัลที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา

นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่ทราบข่าวนี้ แต่สวนสัตว์ไม่มีอำนาจเรื่องให้คนเข้าออกประเทศ

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ผู้ที่ได้รับรางวัลเสียใจ ก็จะมอบเงินเพิ่มตามมูลค่ารางวัลที่ได้รับแทนคาดว่าประมาณ 2-3 หมื่นบาท และกรณี ด.ญ.มารวย คงไม่เหมือนกับ ด.ช. หม่อง เพราะ ด.ช. หม่องเขาต้องออกนอกประเทศในฐานะตัวแทนคนไทย เพื่อไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับ แต่ ด.ญ.มารวย ได้รับรางวัลจากการจับสลาก ดังนั้น แม้ตนอยากให้เด็กได้รับรางวัลนี้ แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ก็จะจ่ายเงินชดเชยให้ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจกัน

นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีปัญหาของ ด.ญ.นารวย ต้องดูว่าเข้าหลักเกณฑ์ ตามมาตรา 23 พ.ร.บ.สัญชาติ

ที่ออกมาใหม่ล่าสุดหรือไม่ หากเข้าหลักเกณฑ์และทำตามเงื่อนไขที่ระบุ ด.ญ.นารวย ก็สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ เพราะอยู่ในฐานะของบุคคลบนพื้นที่สูงของไทย หากสามารถพิสูจน์สถานะก็สามารถให้ทางอำเภอออกใบอนุญาตออกนอกพื้นที่ได้ แต่ขอให้ดูที่หลักเกณฑ์ให้แน่ชัดก่อน กรณีนี้แตกต่างจาก ด.ช.หม่อง ที่พ่อแม่เป็นแรงงานข้ามชาติ แต่ ด.ญ.นารวย เป็นบุคคลบนพื้นที่สูงที่อยู่ในประเทศไทย

นายบุญญฤทธิ์ สุวรรณเวช นิติกรสัญชาติ กลุ่มงานความมั่นคง ปกครอง จ.เชียงใหม่ เผยว่า ด.ญ.นารวยสามารถไปขอลงรายการสัญชาติ

โดยต้องนำหลักฐานพ่อแม่ไปประกอบเพื่อขอแจ้งเกิดและลงรายการในทะเบียน แต่ทั้งนี้ต้องเข้าหลักเกณฑ์ที่ว่าพ่อแม่ได้สัญชาติก่อนลูกเกิดด้วย เพราะมาตรา 23 ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับที่ 4 แก้ไขเพิ่มเติม ปี 2551 ระบุว่าผู้ที่เกิดระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2515-27 กุมภาพันธ์ 2551 ให้ไปติดต่อยื่นขอลงรายการสัญชาติไทย ณ สำนักทะเบียนอำเภอ หรือท้องถิ่นที่มีภูมิลำเนา กรณีที่เป็นคนไทยโดยกำเนิดแต่ไม่ได้ไปแจ้งเกิดต้องเสียค่าปรับการขอแจ้งเกิดก่อน และให้นำเอกสารการเกิดของพ่อแม่ตัวเองหรือบุคคลรับรองสถานะทำคลอด เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หมอตำแย หรือบุคคลที่มีอายุมากกว่าไปรับรองสถานะ ซึ่งไม่น่าจะใช้เวลานานมากนัก เพราะอยู่ที่ดุลพินิจของนายอำเภอ แต่เท่าที่ดูอายุของ ด.ญ.นารวย ก็เห็นว่าอยู่ระหว่างเกณฑ์ระบุพอดี จึงไม่น่ามีปัญหา