คมชัดลึก : เด็กหญิงวัย 4 ขวบที่ยะลาโชคร้ายติดเชื้อเอชไอวีจากการรับเลือด เพื่อช่วยยื้อชีวิตในวัยแรกเกิด กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมของครอบครัว ที่ต้องแบกรับความทุกข์ทรมานจากเคราะห์กรรรมที่พวกเขาไม่ได้ก่อ แต่ครอบครัวนี้ไม่ใช่ครอบครัวแรกที่ต้องทนฝืนยอมรับชะตากรรมอันโหดร้ายเช่นนี้ !
เมื่อ 5 ปีก่อนเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้ที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อเด็กหนุ่มวัย 15 ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ต้องรับเลือดจากโรงพยาบาลเป็นประจำและปรากฏว่าได้รับเชื้อเอชไอวี เช่นเดียวกับที่ จ.บุรีรัมย์ หนุ่มใหญ่วัย 35 ฟ้องร้องค่าเสียหายจากโรงพยาบาลเป็นเงิน 10 ล้านบาท หลังจากภรรยาตกเลือดและรกค้างระหว่างคลอด จึงต้องรับเลือดเพื่อยื้อชีวิต แต่ในที่สุดทั้งแม่และลูกก็จากโลกไปด้วยโรคเอดส์จากการให้เลือดในวันคลอด...นั่นเอง
กรณีปัญหาผู้ป่วยรับเลือดติดเชื้อเอชไอวีหรือเชื้อโรคอื่นๆ ที่แฝงมากับเลือด แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่ผู้รับเลือดทุกคนล้วนอยู่ในสภาวะเสี่ยง เมื่อความเสี่ยงเกิดขึ้นกับชีวิตผู้รับเลือดที่มีผู้หวังดีบริจาคมา โรงพยาบาล สภากาชาดไทย หรือผู้บริจาคโลหิต ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ ?
"ในต่างประเทศผู้ป่วยได้รับเชื้อโรคจากการรับเลือดเคยฟ้องร้องผู้บริจาคเลือดนะ แต่เมืองไทยคงทำอย่างนั้นไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครกล้ามาบริจาคเลือด มีแต่แพทย์และโรงพยาบาลที่ถูกฟ้องร้อง แม้ขั้นตอนการตรวจหาเชื้อจากเลือดของเราจะได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลกก็ตาม" พญ.สร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ระบุ
การตรวจเลือดที่รับบริจาคจะตรวจหาเชื้อโรค 4 ชนิด ได้แก่ ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบีและซี และเชื้อเอดส์ ทว่า พญ.สร้อยสอางค์ให้ความเห็นว่า ขึ้นอยู่กับน้ำยาตรวจด้วยว่ามีคุณภาพดีมากเพียงใด เนื่องจากที่มีอยู่จะสามารถตรวจหาเชื้อจากผู้ที่ได้รับเชื้ออย่างน้อย 22 วันขึ้นไป หากผู้บริจาคได้รับเชื้อก่อนหน้าบริจาคโลหิตไม่เกิน 22 วันก็ตรวจไม่พบเชื้อ เพราะเชื้ออยู่ระหว่างการฟักตัว แม้ขณะนี้จะมีน้ำยาตรวจหาเชื้อเร็วที่สุด 11 วัน แต่ก็เสียค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
อย่างไรก็ตาม วิธีที่ทำได้ง่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อ ที่แฝงมากับเลือดที่รับบริจาคในราคาแพง แถมลดความเสี่ยงให้ผู้ป่วยที่รับเลือด น่าจะเป็นการตอบคำถามด้วยความเป็นจริงใจในใบคัดกรองเบื้องต้น 25 คำถาม หากใครมีพฤติกรรมเสี่ยงก็ไม่ควรบริจาคโลหิต
โดยเฉพาะหมวดที่ 2 ข้อ 12 เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
12.1 ท่านมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่นอนของท่าน
12.2 ท่านมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน (ตอบเฉพาะชาย)
12.3 คู่ของท่านมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น
12.4 คู่ของท่านมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน (ตอบเฉพาะเพศหญิงที่มีคู่เป็นชาย)
ปัจจุบันสภากาชาดไทยมีเลือดที่รับบริจาคร้อยละ 2 ที่ตรวจพบโรคต่างๆ อาทิ ไวรัสตับอักเสบบีพบมากเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้เป็นไวรัสตับอักเสบซี ซิฟิลิส และเอชไอวี/เอดส์ ซึ่งการตรวจพบเชื้อเอชไอวีครึ่งหนึ่งของตัวอย่างที่พบมาจากกลุ่มคนรักร่วมเพศ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ บอกว่า แม้สภากาชาดไทยต้องการเลือด แต่ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องคุณภาพ จึงอยากให้ผู้บริจาคมีความรับผิดชอบต่อสังคม การคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตตามแบบสอบถาม ไม่ได้เป็นการแบ่งแยกหรือกีดกันทางเพศ เพียงแต่อยากแจ้งให้ทราบว่า ก่อนการบริจาคโลหิต หากมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต้องไม่บริจาคโลหิต เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน
"การคัดเลือกผู้บริจาคโลหิตก่อนรับบริจาค ผู้บริจาคต้องตอบแบบสอบกว่า 20 คำถาม ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้เหมือนประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เพื่อคัดกรองความเสี่ยงทั้งตัวเองและผู้อื่น เช่น เรื่องน้ำหนัก อายุ โรคประจำตัว ประวัติสุขภาพ พฤติกรรมเสี่ยง ไม่ว่าเพศชาย หญิง หรือกลุ่มคนที่รักเพศเดียวกัน หากมีพฤติกรรมเสี่ยงก็ไม่ควรบริจาค ควรมีความรับผิดชอบ เพราะการบริจาคเลือดถือเป็นการทำบุญ ก็อยากให้ทำบุญให้ตลอด" พญ.สร้อยสอางค์ กล่าวทิ้งท้าย
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว