“คุณยายเนียม พันธุ์มณี” อดีตหมอลำชาว จ.อุบลราชธานี ผู้สร้างความฮือฮาด้วยการมอบแหวนหมั้นหมายให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หน.พรรคประชาธิปัตย์
เป็น “เขยอีสาน” ระหว่างไปช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ จ.อุบลราชธานี ก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะสมหวังก้าวขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 27” ของประเทศไทย และในวันที่ได้พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ได้เปิดใจพูดถึงความผูกพันและเรื่องราวการหมั้นหมายของคุณยายเนียมออกอากาศไปทั่วประเทศ หลังจากนั้นคุณยายเนียมก็ล้มเจ็บด้วยโรคประจำตัว ถูกนำส่ง รพ.ม่วงสามสิบ และ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ในเวลาต่อมา โดยแพทย์รับตัวไว้รักษาแต่อาการกลับทรุดหนักจนเข้าขั้นวิกฤติ
โดยเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 ม.ค. นพ.เศวต ศรีศิริ นายแพทย์ 8 ศัลยกรรม รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี
ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้ที่รักษาคุณยายเนียม พันธุ์มณี ได้แถลงถึงอาการป่วยของคุณยายเนียมโดยระบุว่า คุณยายเนียมป่วยด้วยโรคมะเร็งท่อน้ำดีในตับ ประกอบกับมีโรคแทรกคือความดันโลหิตสูง และเบาหวาน ทำให้อาการทรุดลงตามลำดับ จากการตรวจของแพทย์พบว่ามะเร็งกระจายไปตามส่วนต่างๆของร่างกายแล้ว มีอาการตับวาย หมดสติต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ตอบสนองต่อการกระตุ้นของแพทย์น้อยลง ขณะนี้แพทย์พยายามป้องกันไม่ให้เกิดอาการไตวายแทรกขึ้นมาอีก สภาวะของผู้ป่วยถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติร้ายแรง ได้แจ้งให้ญาติเตรียมทำใจไว้แล้ว ทั้งนี้ทราบเพียงว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาดูอาการในวันที่ 8 ม.ค.นี้ จากนั้น ทางญาติจะขอรับตัวคุณยายเนียมกลับไปอยู่บ้านจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตตามที่ตั้งใจไว้ ขอยืนยันว่าแพทย์ได้ให้การดูแลรักษาอย่างเต็มความสามารถแล้ว
ด้านนายหลา คิ้วยม อายุ 58 ปี บุตรชาย ที่มาเฝ้าดูอาการของคุณยายเนียมอยู่หน้าห้องไอซียูระบุว่าคุณยายเนียมถูกนำตัวส่ง รพ.ม่วงสามสิบตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลียเป็นไข้ ความดันโลหิตผิดปกติ มีอาการของโรคเบาหวานกำเริบ ก่อนจะย้ายมารักษาที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี แต่อาการทรุดหนักลงเรื่อยๆ ขณะนี้ไม่รู้สึกตัวแล้ว มีอาการตัวบวมแทรกขึ้นมาอีก แพทย์ได้บอกให้ทำใจรับกับความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น ก็ยอมรับในจุดนี้ และตั้งใจว่าจะนำกลับไปอยู่บ้านในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ แพทย์ยังไม่อนุญาตเพราะสภาพร่างกายไม่พร้อม อีกทั้งทราบว่านายกรัฐมนตรีจะมาเยี่ยม จึงขอดูอาการต่ออีก 1 วัน จากนั้นค่อยคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“ดูเหมือนว่าแม่จะรู้ตัวว่าอาจจะไม่ได้เจอท่านนายกฯ เพราะก่อนที่แม่จะทรุดหนักจนไม่ได้สติได้สั่งลูกๆหลานๆให้นำข้าวเปลือกที่เก็บไว้ไปสีที่โรงสี เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่ท่านนายกรัฐมนตรีในวันที่เดินทางมาจ.อุบลราชธานี แบ่งเป็นข้าวเจ้า 1 กระสอบ และข้าวเหนียว 1 กระสอบ ซึ่งได้เตรียมไว้พร้อมแล้ว หากนายกฯมาถึงวันไหนก็จะมอบให้ตามคำสั่งเพื่อที่แม่จะได้หมดห่วงเสียที” นายหลากล่าวสรุป