แม้เศรษฐกิจจะตกสะเก็ด แต่ธุรกิจบริการเสริมอย่างเอส-เอ็มเอสหรือแอพพลิเคชั่นบนมือถือ กลับเติบโตต่อเนื่องสวนทางตลาด
ยืนยันจากปากของ สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาดของเอไอเอส ที่รายได้จากบริการเสริมของปีนี้ทะลุเป้าหมายที่ได้คาดการณ์ไว้ “หลังจากที่ธุรกิจเอสเอ็มเอส (SMS) ได้รับความนิยมมาระยะหนึ่ง เราเคยคาดการณ์ว่าการส่งภาพและภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบของเอ็มเอ็มเอส (MMS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาอีกขั้น จะได้รับความนิยมแทนที่ เรากล้าพูดเลยว่าเอไอเอสเป็นผู้ให้บริการมือถือรายหนึ่งของโลก ที่ทุ่มเทพัฒนาบริการเสริมอย่างต่อเนื่อง เรามีแล็บวิจัยที่มีพนักงานประจำทำงานสม่ำเสมอเพื่อคิดค้นบริการใหม่ๆ แต่ที่สุดก็พบว่ายังไม่ สามารถผลักดันบริการเอ็มเอ็มเอสได้อย่างเต็มที่ เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง” นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เปิดเผย
ความสวยงามของเอสเอ็มเอส อยู่ที่เสน่ห์ 2 ประการ นั่นคือการสื่อสารในรูปแบบของข้อความที่แม้ไม่สะดวกพูดหรือรับสายก็สามารถสื่อสารกันได้
ส่วนอีกประการคือความสามารถในการเก็บรักษาข้อความเอาไว้เป็นที่ระลึกหรือเป็นหลักฐานที่ดี นอกจากนั้น เอสเอ็มเอสยังเป็นฟังก์ชั่นรองรับการใช้งานพื้นฐานของโทรศัพท์มือถือทุกรุ่น ทำให้สื่อสารระหว่างกันได้สะดวก ง่ายดาย ขณะที่การส่งเอ็มเอ็มเอสนั้นมีอุปสรรคอยู่ที่ความสามารถของเครื่องที่ไม่ทัดเทียมกัน เช่นเดียวกับท่อส่งระหว่างผู้ให้บริการ ทำให้เอ็มเอ็มเอสไม่เติบโตเท่าที่ควร
“เราคิดว่าเอ็มเอ็มเอสดีกว่า ส่งข้อความได้ทั้งรูป เสียง ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ตัวอักษร คิดว่าจะมาทดแทนเอสเอ็มเอสได้ แต่ที่สุดก็ผิดคาด ทั่วโลกก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ยกเว้นที่ญี่ปุ่น ซึ่งกำหนดมาตรฐานเดียวกัน ทำให้ไม่มีปัญหาการสื่อสารระหว่างกัน”