สิ้นแล้วขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบหนังเหนียวเมืองคอน

เผยประวัติยาวนานถึง 108 ปี เจ้าพิธีสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช ปราบขุนโจรดังในอดีต เสือดำ หัวแพร เสือกลับ คำทองและอีกสารพัดเสือ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีตนายตำรวจมือปราบชื่อดังเจ้าของฉายา มือปราบหนังเหนียว มือปราบจอมขมังเวทย์ และมือปราบชาตรี ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของคนในวงการข้าราชการตำรวจ และประชาชนชาวนครศรีธรรมราช และเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมสำคัญ เช่น พิธีกรรมสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2530-2531

ได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อเวลา 23.27 น. (5ก.ค.)ด้วยอายุรวมถึง 108 ปี ที่บ้านพักเลขที่ 764/5 ภายในซอยราชเดช ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งนับได้ว่าเป็นท่านขุนที่ได้รับพระราชทานทินนามเป็นคนสุดท้ายของประเทศไทย

สำหรับประวัติของพล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เดิมชื่อว่า บุตร์ พันธรักษ์มีพี่น้องรวม 6 คน โดยพล.ต.ต.ขุนพันธ์ เป็นบุตรคนที่ 2 ของนายอ้วน นางทองจันทร์ พันธรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2446 ที่บ้านอ้ายเขียว ม.5 ต.ดอนตะโก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น ม.5 ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช

โดยตระกูลของฝ่ายบิดานั้นสืบเชื้อสายมาจากหมอประจำราชสำนักของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ทำให้ได้รับการถ่ายทอดตำรับยาและมีความรู้ในเรื่องแพทย์แผนโบราณเป็นอย่างดี โดยเข้าเรียนครั้งแรกเมื่อปี 2452 กับพระอาจารย์ปาน หรือหลวงพ่อปานวัดอ้ายเขียว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเกจิรูปหนึ่งของภาคใต้

ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทั่งจบการศึกษาและได้ออกมาทำหน้าที่รับราชการเป็นตำรวจ และได้เข้าศึกษาทางด้ายไสยเวทย์กับสำนักเข้าอ้อที่ จ.พัทลุง

โดยมีปรมาจารย์ คือ ปรมาจารย์ทองเฒ่า และมี พระอาจารย์เอียด เป็นผู้รับผิดชอบดูแล ส่วนประวัติในการปราบขุนโจรชื่อดังหลายคน ไม่ว่าจะเป็นโจร "เสือดำ หัวแพร" ซึ่งเป็นโจรคนเดียวที่มีรูปปั้นอยู่ใน จ.พัทลุง "เสือกลับ คำทอง" ,สี่เสือเมืองสุพรรณ ,เสือใบ ,เสือมเหศวร,เสือร้ายอย่าง "กระเดื่องแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา"ที่บรรดาโจรยกให้เป็นหัวหน้าโจรในสมัยนั้น รวมถึงขุนโจรแบ่งแยกดินแดน"ขุนโจรอะแวสะดอ"ในภาคใต้

ทั้งการนำเอาความรู้ด้านไสยเวทย์มาประยุกต์ใช้ประโยชน์ราชการ จนสร้างชื่อเสียงให้กับกรมตำรวจในขณะนั้น สำหรับกำหนดการบำเพ็ญกุศลศพในเวลา 16.00น.จะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพที่ศาลาร้อยปีวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช จนกว่าจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ.


แหล่งที่มา : คมชัดลึก