นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันไต้หวันได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐานผักและผลไม้มากขึ้น
หากตรวจสอบพบว่า มีสารตกค้างปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน ที่กำหนด สินค้าจะถูกอายัดและเรียกเก็บคืน จากท้องตลาดหรือถูกทำลายทิ้ง สำหรับการ นำเข้าสินค้าชนิดเดียวกันจากผู้ผลิตเดิมในอีก 5 ครั้งถัดไป จะถูกกักไว้ที่ด่านนำเข้าเพื่อตรวจวิเคราะห์อย่างเข้มงวด รอจนกว่าจะได้ผลตรวจ วิเคราะห์ที่ชัดเจน ถ้าพบว่ายังไม่ได้มาตรฐานอีก ไต้หวันจะประกาศห้ามนำเข้าสินค้าประเภทเดียวกันจากผู้ผลิตนั้น พร้อมเพิกถอนใบอนุญาต นำเข้าจากผู้นำเข้าด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าผักผลไม้ไทยไปยังไต้หวันได้
“ดังนั้น เกษตรกรและผู้ประกอบการของไทยจึงต้องใส่ใจและเพิ่มความระมัดระวังในการใช้สารเคมีทางการเกษตรโดยต้องใช้ตามคำแนะนำอย่างถูกวิธี ทั้งยังต้องปฏิบัติตามระเบียบของไต้หวันอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับไต้หวันซึ่งเป็นตลาดนำเข้าสินค้าผักและผลไม้ที่สำคัญของไทย ซึ่งจะช่วยรักษาตลาดและผลักดันมูลค่าการส่งออกสินค้าผักและผลไม้ไทยไปยังไต้หวันให้เพิ่มสูงขึ้น โดยในปี 2550 ไทยมีมูลค่าส่งออกประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ร้อยละ 2.54 ขณะที่ ปี 2551 (ม.ค.-ก.ค.) ส่งออกไปแล้ว 1,290 ล้านบาท” นางอภิรดี กล่าว.