การดำเนินการสร้างพระเมรุ สำหรับพระพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ คืบหน้าไปอีกระดับ
โดยเมื่อวันที่ 28 มี.ค. เวลา 09.00 น. รัฐบาลจัดพิธียกเสาเอกพระเมรุฯ มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนาฯ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะคณะกรรมการจัดงานพระพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ และคณะรัฐมนตรี ผู้แทนเหล่าทัพ ประธานศาลยุติธรรม ข้าราชการ ข้าราชบริพาร และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมพิธี โดยเวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
จากนั้น เวลา 09.45 น. พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ถือปฐมฤกษ์ ประกอบพิธีพราหมณ์
โดยนายสมัคร สุนทรเวช นายก-รัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รมว.วัฒนธรรม และนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร จุดธูปเทียนบูชาเครื่องบวงสรวง จากนั้นพระราชครูวามเทพมุนีอ่านโองการบวงสรวงอัญเชิญเทพเทวา จนกระทั่งเวลา 10.09 น. นายสมัครได้ปิดทองและผูกผ้าสีชมพูที่เสาเอกด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ชักสายสูตรยกเสายกขึ้นตั้ง พระ ราชครูวามเทพมุนีรดน้ำมนต์ ติดใบมะตูมและเจิม เสาเอกพระเมรุ สำหรับพระภิกษุสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เจ้าพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาะว์ ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จากนั้นข้าราชการสำนักการสังคีต กรมศิลปากร รำบวงสรวง โปรยข้าวตอก ดอกไม้ โดยนายสมัครถวายจตุปัจจัยไทยธรรมและภัตตาหารแด่ พระสงฆ์ 10 รูป พระสงฆ์อนุโมทนา นายกรัฐมนตรีกรวดน้ำอุทิศกุศลแล้วจึงเสร็จพิธี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างประกอบพิธีบวงสรวง นั้น บรรยากาศโดยรอบท้องสนามหลวงเกิดปรากฏการณ์ อัศจรรย์
เนื่องจากก่อนประกอบพิธีอากาศร้อนอบอ้าวมีแดดแรง แต่ในขณะถึงฤกษ์ยกเสาเอกพระเมรุ เวลา 10.09 น. กลับมีเมฆมาบดบังแสงแดด ทำให้แดดร่มลง รวมทั้งมีลมพัดแรงสร้างความร่มเย็น สร้างความประหลาดใจกับผู้ที่เข้าร่วมพิธีเป็นอย่างมาก ส่วนบรรยากาศบริเวณด้านนอกพิธียกเสาพระเมรุ มีประชาชนจำนวนหนึ่งมาเฝ้าดูอยู่ด้านนอกรั้วบริเวณรอบสนามหลวง บางคนพยายามขอเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมในพิธี แต่ได้รับคำปฏิเสธ โดยให้ยืนดูจากช่องรั้วรอบสนามหลวงเท่านั้น