หนี้พนันบอล3แสน นศ.กุเรื่อง โจรจี้เงินแม่นับล้าน

น.ศ.ติดหนี้พนันบอล กุ เรื่องอ้างโดนจี้ชิงเงินสด 3 แสน เผยน.ศ.มหาวิทยาลัย ดังในกรุงเทพฯ ติดหนี้พนัน ฟุตบอลงอมแงม จึงเดินทางกลับบ้านที่ร้อยเอ็ด ไปหาแม่เป็นเอเยนต์จำหน่ายเบียร์ ก่อนเกิดเหตุแม่ให้นำเงิน 1.5 ล้านไปเข้าบัญชี แต่ขี่รถเข้าไปในซอยเปลี่ยวแล้วแกล้งทำรถล้ม อ้างโดนจี้ชิงเงิน 3 แสน แต่ให้การมีพิรุธ ตร.คาดคั้นจึงเปิดปากรับสารภาพยักยอกเงินไปฝากเพื่อนไว้ใช้หนี้พนัน เบื้องต้นเจอข้อหาแจ้งความเท็จ

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 17 มี.ค.

พ.ต.ต.ทวนทอง พุทธเสน สารวัตร สภ.เมืองร้อยเอ็ด รับแจ้งจากศูนย์วิทยุพลาญชัยว่า มีเหตุจี้ชิงทรัพย์ บริเวณซอย 5 หมู่บ้านเสาวลักษณ์ 2 ถ.รอบเมือง จึงพร้อมด้วยกำลังชุด "สุรสีห์" ไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้เสียหายเป็นวัยรุ่นหน้าตาดี ทราบชื่อภายหลังว่านายวุฒิพงศ์ วงศ์คำจันทร์ หรือเติ้ล อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 356 หมู่ที่ 18 ต.รอบเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ปี 2 มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ยืนกอดกระเป๋าสะพายสีเขียวรอเจ้าหน้าที่ยังที่เกิดเหตุ โดยพบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ สีดำ หมายเลข ขงท.156 ร้อยเอ็ด ของนายวุฒิพงศ์ล้มตะแคงอยู่

นายวุฒิพงศ์ ให้การว่า

ก่อนเกิดเหตุมารดาของตนที่เป็นเอเยนต์จำหน่ายเบียร์ในจ.ร้อยเอ็ด ได้ใช้ให้ตนขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวพร้อมกระเป๋าใส่เงินจำนวน 1.5 ล้านบาท ไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเทวาภิบาล เพื่อตัดบัญชีกับบริษัทใหญ่ ระหว่างขับขี่รถมาติดไฟแดงที่ 4 แยกโรงพยาบาลร้อยเอ็ด มีวัยรุ่นสวมหมวกกันน็อกสีดำ เสื้อแจ๊กเกตสีขาว กระโดดขึ้นมานั่งซ้อนท้ายตนคล้ายคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน พร้อมทั้งสั่งให้ตนขี่รถไปตามที่บอก โดยคนร้ายถลกชายเสื้อให้ตนดูให้เห็นด้ามปืนที่คนร้ายพกมา โดยมีวัยรุ่นอีกคนซึ่งเข้าใจว่าเป็นพวกของคนร้าย สวมหมวกกันน็อกสีขาวแบบเต็มใบ ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขี่ประกบ

นายวุฒิพงศ์ กล่าวต่อว่า

 เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ นึกเสียดายเงินและกลัวคนร้ายจะทำร้ายตนเพราะเป็นซอยเปลี่ยว จึงตัดสินใจกระโดดลงจากรถจนรถจักรยาน ยนต์ล้มลง คนร้ายพยายามชิงกระเป๋าเงิน แต่ตนกอดปล้ำแย่งกระเป๋ากับคนร้าย ทำให้เงินหล่นออกมา 3 มัดเป็นเงิน 3 แสนบาท คนร้ายจึงคว้าเงินที่หล่นวิ่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนขับประกบมาหลบ หนีไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

นายวุฒิพงศ์ให้การมีพิรุธหลายอย่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ จึงนำตัวนายวุฒิพงศ์มาสอบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง จนในที่สุดนายวุฒิพงศ์ยอมรับสารภาพว่า กุเรื่องทั้งหมดขึ้นมา เนื่อง จากติดหนี้พนันฟุตบอลในกทม.เกือบ 4 แสนบาท ถูกเจ้าหนี้ตามทวงหลายครั้ง จึงเดินทางกลับมาที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยอ้างกับแม่ว่าปิดเทอม คืนก่อนวันเกิดเหตุมารดาใช้ให้นำเงิน 1.5 ล้านบาทไปโอนเข้าบัญชีบริษัทในกรุงเทพฯ จึงวางแผนกุเรื่องว่าถูกชิงทรัพย์เพื่อจะแบ่งเงินไปชำระหนี้พนันบอลจำนวน 3 แสนบาท โดยนำเงินไปฝากเพื่อนในตัวจังหวัดไว้ แล้ววางแผนขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในซอยเปลี่ยวและแกล้งทำรถจักรยานยนต์ล้ม ก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนถูกคาดคั้นและรับสารภาพในที่สุด

หลังจากนั้นนายวุฒิพงศ์จึงพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปนำเงินที่ยักยอกไปฝากเพื่อนไว้จำนวน 303,000 บาทมาคืน เจ้าหน้าที่จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานนำส่งร้อยเวรสอบสวน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป