วอนสังคม จับตาพระ เล่นเน็ต ทำนอกรีต ต้องถูกแฉ

เจ้าคณะตำบลสั่งสอบพระไฮไฟว์ หากพบผิดจริงให้เอาผิดทันที ชี้เท่าที่รู้แค่พูดจีบกัน ยังไม่ทันแตะเนื้อต้องตัวระบุที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะไม่มีเจ้าอาวาสดูแล ขณะที่ผู้ช่วยผญบ.เสนอผญบ.ไล่พระไฮไฟว์แล้ว ที่ทำให้หมู่บ้านเสียชื่อเสียง

 อธิบดีศาสนาจี้เฝ้าระวังพระเล่นเน็ต ให้พระเณรด้วยกันเองช่วยกันเตือน

ให้พระผู้ใหญ่-สังฆาธิการดูแลตรวจตราการใช้คอมพ์ หากพบว่าทำผิดต้องลงโทษทันที อย่าปล่อยให้ผิดซ้ำซาก พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งชาวพุทธจับตาดูแล เอาผิดอย่างเฉียบขาด และเปิดโปงให้สาธารณชนรับรู้เพื่อช่วยกันลงโทษ เพราะไม่มีกฎหมายโดยตรงที่จะเอาผิดกับพระ ด้านผอ.สำนักพุทธฯ ระบุพระต้องทันสมัยโดยเฉพาะพระที่เป็น นิสิตมหาวิทยาลัยสงฆ์ แต่คนที่เข้าไปแช็ตกับพระก็ต้องระวัง เพราะเรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวก็ไม่ดัง

จากกรณีมีการร้องเรียนถึงความไม่เหมาะสมของพระภิกษุสงฆ์สามเณรที่เข้าไปสร้างเว็บไซต์ส่วนตัวจากโปรแกรม Hi5 (ไฮไฟว์) ใน www.hi5.com

 ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่น เกรงว่าอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับพระพุทธศาสนาได้ เพราะคนที่เล่นไฮไฟว์มักจะนำรูปของตัวเองมาลง ซึ่งบางคนแต่งกายเพียงชุดชั้นในเท่านั้น ล่าสุดมีพระใน จ.ขอนแก่น เล่นโปรแกรมดังกล่าว แช็ตลวงนักเรียนสาวอายุ 15 ปี จาก จ.ชัยภูมิ ให้มาหา ที่สุดแม่ของเด็กตามมาพบอยู่ในกุฏิกันเพียงลำพัง ตามที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 5 มี.ค. นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า

คิดว่ามีพระส่วนน้อยที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เพราะการกระทำลักษณะดังกล่าวอาจเป็นการที่อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดที่มาจากความอ่อนไหวพาไป จึงใช้ถ้อยคำเกี้ยวพาราสี ผู้หญิง อาทิ คิดถึงจังเลย คิดถึงนะ เป็นต้น ขณะที่ประเทศไทยยังมีพระสงฆ์และสามเณรอีกจำนวนมากที่อยู่ในสมณะประพฤติดี อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว กรมการศาสนาอยากเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และนำไปสู่การทำลายพระพุทธศาสนา ใน 3 ประการ ได้แก่
 
1.ขอเรียกร้องให้พระสงฆ์และสามเณร ช่วยตักเตือนพระสงฆ์และสามเณรรุ่นเดียวกันที่คิดจะกระทำสิ่งไม่ดี
2.เรียกร้องให้พระผู้ใหญ่ที่มีอำนาจบริหารกิจการคณะสงฆ์ อาทิ คณะกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบล รวมถึงเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ดูแลและตรวจตราการใช้คอมพิวเตอร์ในวัด ไม่ให้มีการสื่อสารไปในทางที่ไม่ดี ผิดครรลองคลองธรรมในพระพุทธศาสนา หากจับได้ว่าพระสงฆ์รูปใดประพฤติไม่เหมาะไม่ควร จะต้องลงโทษทันที อย่าปล่อยให้กระทำซ้ำซาก เพราะจะปรากฏสู่สังคมให้มีความเสื่อมเสีย เกิดความหม่นหมองต่อประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองที่นับถือพระพุทธศาสนา และเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาโลก
 3.ขอเรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ รวมทั้งชาวพุทธ 94.9 % ทั่วประเทศ ช่วยสอดส่องดูแล พยายามติดตามหากสิ่งใดเป็นเนื้อร้ายของพระพุทธศาสนา ต้องช่วยกันตีแผ่ความผิด ให้ได้รับโทษทางสังคม เนื่องจากขณะนี้การกระทำความผิดทางพระพุทธศาสนายังไม่มีกฎหมายที่ชัดเจนและเด็ดขาดรองรับเหมือนกฎหมายเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในสมัยก่อน ที่ระบุโทษที่รุนแรงและเฉียบขาด

สำหรับการกระทำความผิดของพระสงฆ์ที่ผิดวินัย แต่ปัจจุบันเกิดช่องโหว่ ไม่มีกฎหมายที่เข้ามาจัดการได้

ส่วนกรมการศาสนาขณะนี้ก็ไม่มีหน้าที่จะเข้าไปดูแลพระสงฆ์โดยตรง เนื่องจากอำนาจในการดูแลพระสงฆ์อยู่ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ดังนั้นขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลปัญหาที่เกิดกับพระสงฆ์อย่างจริงจังมากขึ้น

นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า

ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งองค์กรที่ดูแลพระสงฆ์ ตัวพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนต้องช่วยสอดส่องดูแล รวมทั้งคนที่เข้าไปสนทนากับพระด้วยว่าต้องตระหนักว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะปัญหาพระเล่นไฮไฟว์ ตบมือข้างเดียวคงไม่ดัง อย่างไรก็ตามยอมรับว่าปัจจุบันเทคโนโลยีมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันมาก เราอยู่ในโลกไร้พรมแดน พระสงฆ์เองต้องเรียนรู้เท่าทัน โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่เป็นพระนิสิตตามมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปฏิเสธเรื่องเทคโนโลยีไม่ได้ ต้องทำตัวทันสมัย เมื่อนำพระธรรมคำสอนไปสอนเด็กจะได้ไม่น่าเบื่อ แต่ตนไม่ห่วงพระนิสิตเหล่านี้เนื่องจากทุกรูปมีจิตสำนึกความรับผิดชอบ มีครูบาอาจารย์ที่ช่วยสอนวิธีใช้ที่ถูกต้อง
"สำหรับมาตรการเร่งด่วนในส่วนของสำนักพุทธฯ นั้นมีดังนี้ 1.ทางสำนักพุทธฯ จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดรายงานต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) รับทราบและพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหาในการประชุม วันที่ 10 มี.ค. 2551 2.ประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) หากตรวจเจอพระสงฆ์เข้าไปเล่นไฮไฟว์ในทางที่ไม่เหมาะสม หรือเจอเว็บไซต์ที่บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ขอให้แจ้งมาที่สำนักพุทธฯ ทันที จะได้รับทราบและดำเนินการแก้ไข หากตรวจสอบมีการกระทำไม่เหมาะสมจริง สำนักพุทธฯ จะแจ้งกลับไปยังไอซีทีให้ลบข้อมูลพระสงฆ์ หรือบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมทันที อย่างไรก็ตามในส่วนของพระสงฆ์ที่ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อถามตอบปัญหาธรรมะนั้น สามารถทำได้ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมถูกต้องตามสมณสารูป" ผอ.สำนักพุทธฯ กล่าว

ส่วนกรณีพระหนุ่มแช็ตไฮไฟว์หลอกนักเรียนสาว 15 จากชัยภูมิให้มาหาที่วัดในขอนแก่นนั้น

วันเดียวกัน พระครูสิริสารวุฒิคุณ เจ้าคณะตำบลบึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า วัดแห่งนี้ไม่มีเจ้าอาวาสกำกับดูแลมานาน 1 ปีเศษแล้ว โดยมีพระจำพรรษาทั้งหมด 5 รูป ส่วนใหญ่มาศึกษาทางธรรมในระดับปริญญาตรีทางสงฆ์ ของมหาจุฬาฯ ซึ่งพระที่ตกเป็นข่าวเพิ่งมาจำพรรษาอยู่ที่วัดได้เพียง 1 เดือน กระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่เหมาะสมขึ้น ทางคณะสงฆ์ไม่ได้นิ่งนอนใจ เตรียมประชุมหารือเพื่อส่งพระที่มีพรรษา 5 ขึ้นไปมาดูแลวัดแห่งนี้ต่อไป แต่ยังไม่มีพระที่เหมาะสม เพราะก่อนหน้านี้พระที่ไปเป็นเจ้าอาวาสไม่เป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน ล่าสุดเจ้าอาวาสของวัดออกไปอยู่ที่วัดอื่น ทำให้วัดแห่งนี้ขาดเจ้าอาวาสมานาน 1 ปีเศษ

อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในส่วนของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระ เรื่องการแช็ตจีบหญิงสาวจนเป็นข่าว

การพูดจาหยอกล้อจีบกันนั้นอยู่ในข่ายผิดวินัยสงฆ์ในข้อที่พูดเกี้ยวหญิง แต่ยังไม่ถือว่าถึงขั้นต้องขาดจากความเป็นพระ เพราะยังไม่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศกับหญิงสาวที่ตกเป็นข่าวจึงยังไม่สามารถเอาผิดพระรูปนี้ได้ หากมีการแตะเนื้อต้องตัวแม้แต่น้อยนิด ก็สามารถเอาผิดได้ทันที ซึ่งจะได้ดำเนินการสอบสวนพระรูปนี้อย่างเป็นขั้นตอนต่อไป

ด้านนายสีลา ปัดทำ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ตั้งของวัด กล่าวว่า

พระสุปัญโญเข้ามาอยู่ในวัดได้เพียง 1 เดือน ก็สร้างความเสื่อมเสียให้กับหมู่บ้านเป็นอย่างมาก อยากให้พระผู้ใหญ่ลงโทษให้ถึงที่สุด แม้ว่าความผิดทางกฎหมายจะไม่ผิด แต่พฤติกรรมที่ทำเป็นการสร้างความเสื่อมเสีย โดยในเรื่องที่เกิดจะมีการพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านให้เรียกชาวบ้านมาคุยกัน ว่าจะทำอย่างไรกับพระรูปนี้ ซึ่งน่าจะขับไล่ออกจากหมู่บ้านและไม่ให้กลับมาที่หมู่บ้านนี้อีก อย่างไรก็ตามขณะนี้พระสุปัญโญหายไปจากวัดแล้ว