กรณีมีบริษัทประกันภัยเอกชนแห่งหนึ่งเตรียมออกกรมธรรม์ประกันชีวิตสำหรับน้องหมา
โดยเจ้าของสุนัขสามารถซื้อทุนประกันสูงสุดได้ถึง 5 แสนบาท แล้วแต่สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ดีจะสามารถซื้อทุนประกันได้มากกว่าสุนัขพันทางหรือพันธุ์ไทยนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มี.ค. น.สพ.สมบัติ พิพัฒนเมธา ที่ปรึกษาโครงการประกันภัยสุนัขของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สุนัขสายพันธุ์ต่างประเทศ มีราคาแพงถูกเลี้ยงไว้เป็นพ่อพันธุ์ หรือประกวด บางตัวเลี้ยงไว้ใช้งานทางราชการ จึงมีการกำหนดทุนประกันสูง ที่ผ่านมาเคยมีเจ้าของสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ต เป็นแชมป์ 9 รางวัล มายื่นขอทำประกัน 1 ล้านบาท แต่ทางบริษัทพิจารณาให้ 80 เปอร์เซ็นต์ โดยอนุมัติไป 8 แสนบาท เป็นการพิจารณาตามความสำคัญของสุนัข ว่ามีราคาสูงหรือต่ำ และถูกเลี้ยงไว้ใช้งานอย่างไร สำหรับสุนัขสายพันธุ์ไทยก็มีความสำคัญ แต่ด้วยความที่เกิดในท้องถิ่น มีความต้านทานโรค ปัจจัยเสี่ยงน้อย คนจึงทำประกันน้อย
น.สพ.สมบัติกล่าวอีกว่า ไม่ใช่ว่าสุนัขทุกตัวจะทำประกันชีวิตได้ มีเงื่อนไขต้องตรวจประวัติการเลี้ยง
มีใบรับรองตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์ ฝังไมโครชิพที่มีมาตรฐาน ตรวจโรคตามที่กำหนด ฉีดวัคซีนป้องกันโรค ซึ่งทำได้ตามคลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์ทั่วไป หากยื่นเรื่องขอมาและตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วนถึงจะได้รับการอนุมัติ ถ้าเป็นสุนัขที่ถูกเลี้ยงปล่อยไม่สนใจ หรือเป็นร้านจำหน่ายสุนัขประเภทซื้อมาขายไปจะไม่รับประกัน สำหรับการจ่ายสินไหมแก่ผู้เอาประกันในกรณีที่สุนัขตายเจ้าของต้องแจ้งให้ทราบ และนำสุนัขไปสถานพยาบาลสัตว์ภายใน 24 ชม. เพื่อตรวจสาเหตุการเสียชีวิตและขอใบรับรองจากสัตวแพทย์ ประกันภัยจะจ่ายในกรณีสุนัขตายจากอุบัติเหตุหรือป่วยเท่านั้น หากสุนัขตายโดยการกลั่นแกล้ง หรือเจตนาทำร้ายโดยสมรู้ของผู้เอาประกัน หรือมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของ โดยผู้เอาประกันไม่แจ้งให้ทางบริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษร จะยกเว้นการจ่ายสินไหม
“ถ้าตายปกติไม่มีข้อข้องคาใจ แค่ให้สัตวแพทย์ออกใบรับรองมาแจ้ง ก็รับค่าสินไหมทดแทนได้ หากตัวไหนตายผิดธรรมชาติ หรือสงสัยสาเหตุการตาย จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจอีกครั้ง แต่เชื่อว่าคนเลี้ยงสัตว์มีใจรักสัตว์เป็นพื้นฐาน คงไม่มีใครอยากทำร้าย และยังไม่เคยมีสุนัขที่ประกันไว้ตายผิดปกติ” น.สพ.สมบัติกล่าว