กุ๊กเอเชียเดือด ไม่เสิร์ฟเปาะเปี๊ยะ อิสราเอลกีดกัน

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 12 ก.พ.ว่าบรรดาร้านอาหารสัญชาติเอเชียในประเทศอิสราเอล พร้อมใจประท้วงด้วยการไม่เสิร์ฟเปาะเปี๊ยะ หนึ่งในเมนูอาหารยอดฮิตให้ลูกค้าและขู่ว่า เมนูข้าวปั้นหรือซูชิและบะหมี่ จะเป็นเมนูต่อไปที่ลูกค้าจะอดรับประทาน เพราะไม่พอใจแผนงานของรัฐบาลอิสราเอลที่ลดจำนวนแรงงานต่างด้าวในประเทศด้วยการโละเชฟทำอาหารญี่ปุ่น จีนและไทย แล้วฝึกเชฟชาวอิสราเอลขึ้นมาทำแทน 

นายอาร์นอน โวโลสกี หัวหน้าองค์กรร้านอาหารชนกลุ่มน้อยในอิสราเอล กล่าวว่า

ร้านอาหารสัญชาติเอเชีย 300 แห่ง พร้อมใจกันหยุดเสิร์ฟเปาะเปี๊ยะในวันที่ 12 ก.พ. และมีแผนจะงดเสิร์ฟเมนูอาหารประเภทข้าวปั้นและบะหมี่เพื่อประท้วงในอีกสองสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ยังได้ร้องขอให้ศาลสูงอิสราเอลใช้อำนาจบีบให้รัฐบาลทบทวนการตัดสินใจดังกล่าว เนื่องจากอาจทำให้เจ้าของร้านอาหาร ล้มหายตายจากไปจากวงธุรกิจประเภทนี้ หรือไม่ก็ทำให้ต้องขึ้นราคาค่าอาหาร เพื่อนำรายได้มาจ่ายเงินเดือน เพื่อรับประกันวีซ่าของผู้เชี่ยวชาญสำหรับเชฟเหล่านี้

ข่าวแจ้งว่าปีนี้ รัฐบาลอิสราเอลออกใบอนุญาตทำงานให้เชฟชาวต่างชาติ 500 คน ส่วนปีที่แล้วออกให้ 900 คน แต่สำหรับปีหน้าจะไม่มีการออกใบอนุญาตให้อีก แม้ว่าบรรดาร้านอาหารเหล่านี้จะเต็มใจจ่ายเป็นสองเท่าของอัตราเงินเดือน ที่กำหนดทั่วไปในประเทศ ซึ่งจะทำให้สามารถว่าจ้างเชฟเหล่านี้ทำงานในฐานะเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการล่าสุดของรัฐบาล 

ทั้งนี้ ร้านอาหารสัญชาติเอเชียเริ่มเสิร์ฟอาหารเอเชีย อย่างบะหมี่ผัดไก่และแกงเขียวหวานไทยให้ชาวอิสราเอลได้ลิ้มรสครั้งแรกเมื่อราว 30 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างเม็ดเงิน 275 ล้านดอลลาร์ (ราว 8,800 ล้านบาท) ต่อปี ขณะที่อาหารญี่ปุ่นเมนูซูชิ ก็กลายเป็นเมนูยอดฮิตในอิสราเอล โดยเฉพาะในเมืองเอกของประเทศ อย่างนครเทลอาวีฟ ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว มีร้านอาหารซูชิเปิดบริการเป็นร้านที่ 100 แล้ว
 

สำหรับร้านอาหารไทยในอิสราเอลนั้น ข่าวไม่ระบุจำนวนที่แน่ชัด แต่เจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยคนหนึ่ง แจ้งว่า มีอยู่เกิน 100 แห่ง แต่ไม่ทราบตัวเลขแน่ชัดเช่นกัน ส่วนใหญ่แรงงานไทยที่ทำงานในร้านอาหารเหล่านี้  ซึ่งมีชาวอิสราเอลเป็นเจ้าของจะได้รับสวัสดิการที่ดี