โพลเผย 5 อันดับยาเสพติดยอดนิยมของวัยรุ่นไทย
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 14 พฤษภาคม 2549 13:17 น.
เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจ ทัศนคติการใช้สิ่งเสพติดในกลุ่มเยาวชนช่วงปิดภาคฤดูร้อน พบเยาวชนไทยใช้ยาเสพติด 5 อันดับแรก บุหรี่, เบียร์/ไวน์/สปาย, เหล้า, น้ำผลไม้ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกัญชา ขณะที่ ยาบ้า ส่งสัญญาณกลับมาระบาดอีก เพิ่มสูงขึ้น 7 เท่า
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในฐานะที่ปรึกษาเครือข่ายวิชาการสารเสพติดของสำนักงาน ป.ป.ส. และหัวหน้าโครงการวิจัย ได้เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง ทัศนคติการใช้สิ่งเสพติดในกลุ่มเยาวชนช่วงปิดภาคฤดูร้อน ในครั้งนี้ ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเยาวชนที่มีอายุ 12-24 ปี ที่พักอาศัยในระดับครัวเรือน และที่พักอาศัยประเภทอื่นๆ อาทิ หอพัก อพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ จำนวนทั้งสิ้น 4,078 ตัวอย่าง ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 เมษายน - 13 พฤษภาคม 2549
สำหรับผลการสำรวจที่น่าสนใจ ปรากฏว่า ความคิดเห็นของตัวอย่างต่อสิ่งเสพติดประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งผลสำรวจพบว่าตัวอย่างร้อยละ 66.2 ระบุคิดว่า เหล้าเป็นสิ่งเสพติด ในขณะที่ตัวอย่างร้อยละ 22.8 ระบุไม่เป็นสิ่งเสพติด และร้อยละ 11.0 ระบุไม่แน่ใจว่าเหล้าเป็นสิ่งเสพติดหรือไม่
นอกจากนี้ ตัวอย่างร้อยละ 56.5 ระบุคิดว่า เบียร์/ไวน์/สปาย เป็นสิ่งเสพติด ในขณะที่ร้อยละ 28.8 ระบุไม่เป็นสิ่งเสพติด และร้อยละ 14.7 ระบุไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งเสพติดหรือไม่ สำหรับเครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์นั้น พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 37.3 ระบุคิดว่าเป็นสิ่งเสพติด ในขณะที่ร้อยละ 40.7 ระบุไม่เป็นสิ่งเสพติด และร้อยละ 22.0 ระบุไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งเสพติดหรือไม่ และที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ ผลการสำรวจพบว่าเกือบ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 27.5 ระบุคิดว่ายานอนหลับ/ยาคลายเครียดไม่เป็นสิ่งเสพติด ในขณะที่ตัวอย่างเกินกว่าครึ่งหนึ่ง คือ ร้อยละ 53.2 ระบุคิดว่าเป็นสิ่งเสพติด และร้อยละ 19.3 ระบุไม่แน่ใจว่าเป็นสิ่งเสพติดหรือไม่
สำหรับความคิดเห็นของตัวอย่างเกี่ยวกับความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพร่างกายจากการใช้สิ่งเสพติดประเภทต่างๆ นั้น พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่าการใช้สิ่งเสพติดประเภทต่างๆ นั้นมีความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า ถึงแม้จะรู้ว่าเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ยังมีเยาวชนบางส่วนที่มีพฤติกรรมเข้าไปใช้สิ่งเสพติดดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบบุหรี่ และการดื่มเหล้า หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทต่างๆ ซึ่งผลสำรวจพบว่าตัวอย่างร้อยละ 84.5 ระบุคิดว่าการสูบบุหรี่วันละ 1 ซองนั้น เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพของผู้สูบ ร้อยละ 85.9 ระบุคิดว่าการสูบบุหรี่ตั้งแต่ 1 ซองขึ้นไปต่อวันนั้นเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพของผู้สูบ แต่พบว่ามีตัวอย่างเยาวชนกว่าร้อยละ 10 ที่ระบุว่า ตนเองนั้นเคยสูบบุหรี่ตั้งแต่ 1 ซองขึ้นไปต่อวัน โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านนั้นมีประมาณ 8 วันที่สูบบุหรี่ตั้งแต่ 1 ซองขึ้นไปต่อวัน
สำหรับความคิดเห็นของตัวอย่างต่อการดื่มเหล้านั้น พบว่า ตัวอย่างเกินกว่า 2 ใน 3 คือ ร้อยละ 78.0 ระบุคิดว่า การดื่มเหล้า 5 แก้วขึ้นไปต่อวัน เป็นการเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพของผู้ดื่ม ร้อยละ 67.2 ระบุคิดว่าการดื่มเหล้า 5 แก้วขึ้นไปในช่วงสุดสัปดาห์เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ ในขณะที่ตัวอย่างเกินกว่าครึ่งหนึ่ง คือ ร้อยละ 56.2 ระบุคิดว่าการดื่มเหล้าน้อยกว่า 5 แก้วต่อวันก็เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพของผู้ดื่มเช่นเดียวกัน แต่เป็นที่น่ากังวลว่าถึงแม้ส่วนใหญ่จะตระหนักถึงความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพที่เกิดจากการดื่มเหล้านั้น ผลสำรวจกลับพบว่ามีตัวอย่างเกือบ 1 ใน 3 คือ ร้อยละ 28.5 ที่ระบุว่าตนเองเคยดื่มเหล้าในช่วงสุดสัปดาห์ตั้งแต่ 5 แก้วขึ้นไปต่อครั้ง โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานั้นมีประมาณ 9 ครั้งที่ดื่มตั้งแต่ 5 แก้วขึ้นไปต่อวัน ดร.นพดล กล่าว
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ ผลการประมาณการจำนวนเยาวชนทั้งในระบบการศึกษาและนอกระบบการศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 1,562,986 คน พบกลุ่มเยาวชนไทยที่ใช้สิ่งเสพติดประเภทต่างๆ จำแนกตามช่วงเวลาตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา 5 อันดับแรก คือ 1.บุหรี่ โดยผลประมาณการพบว่ามีจำนวนเยาวชนที่มีประสบการณ์ในการสูบบุหรี่ตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทั้งสิ้น 403,546 คน
2.เบียร์/ไวน์/สปาย โดยผลประมาณการพบว่ามีจำนวนเยาวชนที่มีประสบการณ์ในการดื่มเบียร์ ไวน์ สปาย ตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทั้งสิ้น 678,950 คน 3.เหล้า โดยผลประมาณการพบว่ามีจำนวนเยาวชนที่มีประสบการณ์ในการดื่มเหล้าตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทั้งสิ้น 635,816 คน 4.น้ำผลไม้ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยผลประมาณการพบว่ามีจำนวนเยาวชนที่มีประสบการณ์ในการดื่มน้ำผลไม้ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทั้งสิ้น 518,364 คน และ 5.กัญชา ซึ่งผลประมาณการพบว่ามีจำนวนเยาวชนที่มีประสบการณ์ในการใช้กัญชาจำนวนทั้งสิ้น 111,917 คน
สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือ กลุ่มเยาวชนที่ใช้ยาบ้าในช่วง 30 วันที่ผ่านมา พบว่า มีอยู่มากถึง 41,666 คน เพิ่มขึ้นถึงกว่า 700% จาก 5,060 คน ในการวิจัยที่เคยค้นพบช่วง 3 เดือนหลังประกาศสงครามยาเสพติด ดร.นพดล กล่าว
สำหรับสาเหตุการกลับมาของยาเสพติดในทรรศนะของเยาวชนนั้น ผลการสำรวจของเอแบคโพลล์ พบว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐปราบปรามยาเสพติดไม่จริงจัง (ร้อยละ 69.1) รองลงมา คือ ความไม่ต่อเนื่องของนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติด (ร้อยละ 60.7) ปัญหาผู้มีอิทธิพล (ร้อยละ 53.9) บทลงโทษผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดยังไม่รุนแรง (ร้อยละ 42.4) และยังมีแหล่งมั่วสุมของเยาวชน (ร้อยละ 38.8) ตามลำดับ
เมื่อสอบถามต่อไปถึงข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น พบว่า รัฐบาลควรมีการปราบปรามอย่างจริงจัง / มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง (ร้อยละ 72.6) รองลงมา คือ ควรให้ความรู้กับเยาวชนเกี่ยวกับโทษของยาเสพติด (ร้อยละ 70.5) ส่งเสริมการทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ให้กับเยาวชน (ร้อยละ 68.9) แก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพล (ร้อยละ 66.3) และลดพื้นที่เสี่ยงของเยาวชน (ร้อยละ 56.1) ตามลำดับ
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว