พนักงานทีไอทีวียังเฝ้าลุ้นระทึกในชะตากรรมตัวเองว่าจะมีอนาคตไปในทิศทางใด หลังศาลปกครองนัดฟังคำสั่งว่าจะคุ้มครองฉุกเฉินหรือไม่ในวันที่ 17 ม.ค. ตามที่ได้ยื่นคำร้องไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินสรรหาคณะกรรมการ 15 คน เพื่อสรรหาคณะกรรมการนโยบายมาบริหารทีวีสาธารณะ
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ว่า
ได้สั่งการให้ นายจุลยุทธ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ดำเนินการกำหนดระเบียบการจัดตั้งคณะกรรมการสรรหา 15 คน เพื่อเข้ามาทำหน้าที่สรรหาคณะกรรมการนโยบายเพื่อทำหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์สาธารณะ หรือองค์การกระจายเสียงและเผยแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ไทยพีบีเอส จำนวน 9 คน ตาม พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและเผยแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 กำหนดไว้ โดย สปน.จะเป็นผู้เตรียมระบบและเชิญประชุมคณะกรรมการสรรหา และจะแบ่งฝ่ายเลขาออกเป็นสองกลุ่ม ประกอบด้วย
1. ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารนโยบายทีวีสาธารณะชั่วคราวทั้ง 5 คน ที่ ครม.แต่งตั้งไปแล้ว จนกว่าองค์กรถาวรจะสามารถดำเนินการได้
2. ตั้งฝ่ายเลขานุการเพื่อดำเนินการสรรหาคณะกรรมการ โดยคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 15 คน ซึ่งจะมีหน้าที่กำหนดวิธีการสรรหาร่วมกับ สปน. เพื่อทำหน้าที่สรรหาคณะกรรมการนโยบายทั้ง 9 คน ซึ่ง สปน.จะเป็นผู้กำหนดวิธีการว่าจะเปิดรับสมัคร หรือใช้กระบวนการสรรหาด้วยตนเอง หรือเป็นอย่างอื่นก็ได้แล้วแต่จะตกลงกัน โดยจะต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นคณะกรรมการ 9 คนเป็นสำคัญ
“ดิฉันได้สั่งการให้ สปน.หาบุคคลที่มีประสบการณ์ ในการสรรหาคณะกรรมการชุดต่างๆ เช่น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) และมั่นใจว่า สปน.จะสามารถกำหนดรูปแบบการสรรหาได้ พร้อมย้ำให้ สปน.ทบทวนอย่าให้มีปัญหาเช่นในอดีต เช่น การฟ้องร้องการสรรหาคณะกรรมการ กสช.อย่างซ้ำซาก อีกทั้งคณะกรรมการสรรหาจะต้องเลือกประธาน พร้อมกับร่วมกันสอบประวัติผู้ที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการนโยบายด้วย นอกจากนี้ นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้รายงานว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. ได้ถ่ายโอนเงินที่เป็นรายได้จากค่าโฆษณาของสถานีโทรทัศน์ ทีไอทีวี รวมทั้งอุปกรณ์ เอกสารต่างๆ ให้กับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส แล้ว ดังนั้น ทำให้หน้าที่ของรัฐมนตรี และอธิบดีในการกำกับดูแลหมดลงแล้ว” คุณหญิงทิพาวดีกล่าว
ด้านนายขวัญสรวง อติโพธิ ประธานคณะกรรมการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (บอร์ดไทยพีบีเอส) หรือทีวีสาธารณะ กล่าวว่า
ภายใน 1-2 วันนี้ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับสถานที่ทำงานของบอร์ดและทีมงาน เบื้องต้นคาดว่าจะใช้สถานที่ทำงานของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี อาคารชินวัตร 3 เพราะได้โอนเป็นทรัพย์สินของกรมประชาสัมพันธ์แล้ว หรือสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของบอร์ดไทยพีบีเอส ขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเพิ่งผ่านมาเพียง 24 ชั่วโมง ทำได้เพียงเปิดบัญชี ตั้งกองเลขานุการ เพื่อนำหน้าที่ประสานงาน แต่ยังไม่มีคนมาร่วมทำงาน เพราะยังไม่มีสถานีทำงาน บอร์ดไทยพีบีเอสก็ยังไม่ได้นัดประชุม เพราะต่างไปทำหน้าที่ที่ตัวเองถนัด เช่น นายณรงค์ ใจหาญ ก็ไปศาลปกครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานีที่ทำงานของบอร์ดไทยพีบีเอส มีความเป็นไปได้ที่จะใช้ที่ทำงานเดิม ของสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี อาคารชินวัตร
เนื่องจากสัญญาเช่าจะสิ้นสุดในเดือน พ.ย. 2551 และสถานีทีไอทีวีก็มีความพร้อมในด้านอุปกรณ์การทำงาน โดยเฉพาะงานข่าวที่จะเริ่มแพร่ภาพตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ เป็นต้นไป ในส่วนการเปิดรับสมัครพนักงานสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส ที่กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ซึ่งเป็นวันแรกนั้น ปรากฏว่า อดีตพนักงานสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงานในวิชาชีพสื่อสารมวลชนส่วนใหญ่ ยังไม่เดินทางมาสมัครในวันนี้ โดยจะขอรอฟังคำสั่งศาลปกครองในช่วงบ่ายวันที่ 16 ม.ค. ว่าจะมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน ตามที่อดีตพนักงานทีไอทีวี ได้ไปยื่นคำร้องไว้เมื่อวันที่ 15 ม.ค. หรือไม่ และแม้ว่าสถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอส จะมีคณะกรรมการชั่วคราว 5 คน เข้ามาบริหารแล้วก็ตาม แต่พนักงานยังไม่มั่นใจ โดยเฉพาะกรณีความเป็นกลางและการไม่เข้ามาแทรกแซงการปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้สนใจเข้ามาสมัครในตำแหน่งต่างๆ อาทิ นางลีนา จังจรรจา เข้ามาสมัครในตำแหน่งผู้ประกาศข่าวด้วย
สำหรับบรรยากาศที่สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี อาคารชินวัตร 3 บ่ายวันเดียวกันนี้ พนักงานฝ่ายต่างๆ ประมาณ 200 คน เดินทางเข้ามาปักหลักรอฟังผลการพิจารณาไต่สวนฉุกเฉินของศาลปกครองว่า
จะออกมาในทิศทางไหน โดยทุกคนคาดว่าอาจจะทราบผลการพิจารณาในช่วงเย็น ซึ่งจะได้รู้อนาคตของตัวเองว่า ศาลจะให้ความคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้มีการแพร่ภาพออกอากาศได้อีกต่อไป หรือว่าจะต้องเก็บข้าวของไปหางานทำใหม่ ขณะที่รอฟังผลอยู่นั้น ได้มีการนำใบสมัครงานของทีวีสาธารณะไทยพีบีเอส มาถ่ายเอกสารแจกจ่ายให้พนักงานทุกคน เก็บไว้กรอกข้อมูลประวัติส่วนตัว และตำแหน่งงานที่จะใช้ในการยื่นสมัครงาน ที่กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์ ระหว่างวันที่ 16 -19 ม.ค. ซึ่งพนักงานบางคนได้รีบจัดเตรียมเอกสาร ในการสมัครงานไว้ทันที แต่เมื่อสอบถามได้บอกว่าแค่เตรียมไว้เท่านั้น จะยังไม่ไปสมัครงานจนกว่าจะได้รับทราบผลการพิจารณาของศาลปกครอง