เมื่อวันที่ 14 ม.ค. บีบีซีรายงานว่า
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ 2 ชาติมหาอำนาจ รัสเซีย-อังกฤษ ส่อเค้าหมางใจกันกว่าเดิม เมื่อองค์กรบริติช เคาน์ซิล ของอังกฤษ ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเปิดสาขาในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และนครเยคาเตรินเบิร์กของรัสเซีย ซึ่งทางการรัสเซียเห็นว่า การกระทำนี้มีเจตนายั่วยุ ดังนั้น รัสเซียอาจต้องทบทวนการให้วีซ่าต่อพนักงานของบริติชฯ
ขณะเดียวกัน
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียมีคำสั่งเรียกตัวเซอร์โทนี่ เบรนตัน เอกอัครราชราชทูตอังกฤษ เข้าไปรับหนังสือประท้วงแล้ว ภายหลังจากบริติช เคาน์ซิล ในสองเมืองดังกล่าวเปิดตัวอีกครั้ง ขณะที่นายริชาร์ด กัลปิน ผู้สื่อข่าวบีบีซีในมอสโกประเมินว่า มีแนวโน้มที่ฝ่ายรัฐบาลอังกฤษจะปฏิเสธไม่ยอมปิดบริติช เคาน์ซิล ตามแรงกดดันของรัฐบาลรัสเซีย
บริติช เคาน์ซิล เป็นองค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นมาตามพระราชบัญญัติประเทศอังกฤษ
มีหน้าที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับสถานทูตอังกฤษเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการศึกษา วัฒนธรรม และวิทยาการต่างๆ ของอังกฤษไปยังนานาประเทศ ต้นเหตุที่ถูกทางการรัสเซียสั่งปิดเมื่อเดือนก่อนคือ ข้อหาละเมิดกฎหมายด้านภาษี แต่เบื้องหลังที่แท้จริงเชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนตอบโต้การที่รัฐบาลอังกฤษไล่บี้ให้รัฐบาลรัสเซียส่งตัวนายอังเดร ลูโกวอย อดีตสายลับเคจีบี ไปดำเนินคดีในอังกฤษ ฐานใช้สารกัมมันตรังสีลอบสังหารนายอเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก อดีตเคจีบี ซึ่งแปรพักตร์จากรัสเซียเมื่อปลายปี 2549 และหลบมาลี้ภัยในกรุงลอนดอน
ด้านโฆษกบริติช เคาน์ซิล แถลงว่า
การเปิดสาขาในรัสเซียทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะองค์กรนี้หลุดเข้าไปตกไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ด้วยเลย