"ปวีณา หงสกุล" บุกช่วยเด็ก 3 ขวบ ถูกแม่แท้ๆทุบตีทารุณ เพื่อนบ้านสงสารโทรแจ้งมูลนิธิเข้าช่วยเหลือ พบรอยตีลายทั้งตัว ซ้ำพบแผลถูกธูปจี้ แม่เด็กอ้างเครียดที่สามีติดพันหยิงอื่นและลุกซนจึงต้องตี
(12มค.) เวลา 15.00 น.
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิ ปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.นันทิกรณ์ เย็นวัฒนา สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ว่า มีเด็กหญิงถูกแม่แท้ๆของตัวเองทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปช่วยเหลือด้วย เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 44/360 ซอยรังสิต-นครนายก 13 แยก 1 ม.4 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี
ทั้งนี้ นางปวีณี แจ้งว่า
ทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีเมื่อกลางดึกคืนวันที่ผ่านมา ว่า ที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นมีนางบังอร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี พักอาศัยอยู่กับนายสรจักร ผู้เป็นสามี มีลูก 2 คน โดยในทุกๆวัน นางบังอร มักจะทำร้ายลูกสาวคนโต ซึ่งมีอายุประมาณ 2 ขวบครึ่ง โดยจะใช้เหล็กตีลูกสาว หรือไม่ก็ใช่ยางหนังสติ๊กที่ใช้รัดของยิงใส่ตามร่างกาย และบางครั้งก็จะใช้เท้าถีบจนลูกสาวได้รับบาดเจ็บ พร้อมทั้งยังกักขังลูกสาวไว้ในบ้านอยู่เป็นประจำ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ไปให้การช่วยเหลือเด็กออกมา
หลังรับแจ้งดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำนางปวีณา หงสกุลรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.วีรสันต์ สมใจ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พ.ต.ท.สุรพจน์ รอดบำรุง สวป.และกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง
เมื่อไปถึงพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวปลูกติดกันหลายหลัง
เจ้าหน้าที่พบว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นปิดประตูเหล็กที่ด้านหน้า จึงเรียนคนภายในบ้านออกมาพบ ต่อมานางบังอร และนายสรจักร พ่อแม่ของเด็กได้เปิดประตูและออกมาพบเจ้าหน้าที่ นอกจากนั้นยังพบ ดญ.อ้อม (นามสมมุติ) อายุ 2ขวบครึ่ง เดินตามออกมา
จากการตรวจสอบตามร่างกายพบว่า ดญ.อ้อม มีร่องรอยการถูกทารุณกรรมตามร่างกายหลายแห่งอย่างชัดเจน รวมทั้งรอยจี้ด้วยธูป รอยถูกตีด้วยไม้หรือเหล็กตามหลังหลายแห่ง จึงเชิญตัวพ่อแม่น้องอ้อม มาสอบสวน
นางบังอร ให้การว่า
ตนเองอยู่กินกับนายสรจักร มานานหลายปี โดยตนไม่ได้ทำงาน อยู่บ้านเลี้ยงลูกน้อย 2 คนแท่านั้น โดยนายสรจักร สามีทำงานเป็นกุ๊กร้านขายข้าวต้มที่ตลาดรังสิต แต่ช่วงหลังมานี้สามีมักจะชอบออกไปเที่ยวและไปติดพันหญิงอื่น จนมีปากเสียงกันและจะทุบตีตนเองอยู่เป็นประจำ ซึ่งทำให้ตนเองมีความเครียดอย่างมาก ส่วนที่ตีลูกนั้นก็ตีเพราะว่าลูกซน อีกทั้งตนเองก็ยังมีลูกนอนแบเบาะที่ต้องดูแลอีกคนหนึ่ง ซึ่งอายุเพียงแค่ไม่กี่เดือนจึงทำให้มีความเครียดด้านนายสรจักร สามีและพ่อของน้องอ้อม กล่าวเพียงสั้นๆว่า ตนเองไม่ทราบและไม่รู้ว่าภรรยาตีลูกแต่อย่างใด
ด้านนางสมพร พลกุล อายุ 50ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/187 ม.4 ซอยรังสิต -นครนายก 13 แยก 1 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ผู้ดูแลบ้านเช่าที่สองผัวเมียเช่าอยู่ กล่าวว่า
ตนเองเห็นนางบังอรตีลูกแทบทุกวัน แต่ไม่กล้าเข้าไปช่วย ได้แต่สงสารเด็ก ซึ่งบางทีเด็กวิ่งเล่นอยู่ก็เอาไม้ตีจนล้มลุกคลุกคลาน บางทีก็เอาหนังยางรัดของยิงตามร่างกาย ตนเองยังเคยบอกให้สองสามีภรรยาคู่นี้ย้ายไปเช่าบ้านอยู่ที่อื่น แต่ทั้งคู่ก็ไม่ยอมย้ายไป
ส่วนสาเหตุนั้น นางสมพร กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่า นางบังอร คงมีความเครียดที่สามีมีหญิงอื่นและถูกตบตีอยู่เป็นประจำหลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ได้นำตัว ด.ญ.อ้อม ส่งไปยังโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างละเอียด ว่าบาดแผลตามร่างกายนั้นเกิดจากการถูกทารุณหรือไม่
นางปวีณา กล่าวต่อว่า
ในเบื้องต้นนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบปากคำและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งต้องแยกตัวเด็กออกจากผู้ปกครอง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 เนื่องจากเด็กต้องได้รีบความคุ้มครองสวัดิภาพ เพื่อพิจารราให้ความสงเคราะห์แก่เด็กและครอบครัวตามวิธีการที่เหมาะสม โดยทางมูลนิธินั้นจะรับตัวเด็กไปดูแลในชั้นต้นก่อน ส่วนแม่เด็กนั้นทราบว่ามีปัญหาทางจิตใจเพราะความเครียด จึงจะต้องให้เจ้าหน้าที่นำตัวส่งไปตรวจสอบสภาวะจิตใจก่อน เพื่อประเมินว่าสามารถปกครองและเลี้ยงดูเด็กต่อไปได้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ยังจะได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือดูแลครอบครัวนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
พ.ต.อ.วีรสันต์ สมใจ ผกก.สภ..ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า
ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่คงยังไม่แจ้งความหรือดำเนินคดีกับแม่เด็ก เพราะคงต้องส่งตรวจสอบสภาพจิตใจเสียก่อนว่าอยู่ในสภาวะป่วยทางจิตหรือไม่ ซึ่งจะได้นำตัวแม่เด็กส่งไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล ทั้งนี้การทำร้ายร่างกายลูกตัวเองก็มีความผิด และจะได้ดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายต่อไป