
ฮุนมาเนต เผชิญแรงกดดันหนัก หลังไทยยังไม่ปล่อย 18 ทหาร
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ ฮุนมาเนต เผชิญแรงกดดันหนัก หลังไทยยังไม่ปล่อย 18 ทหาร

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเกิดความตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง หลังการลงนามใน "ข้อตกลงกัวลาลัมเปอร์" เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะมีภาพบรรยากาศชื่นมื่นระหว่างผู้นำ แต่ความหวังที่จะนำไปสู่สันติภาพอย่างสมบูรณ์กลับต้องหยุดชะงัก เมื่อฝ่ายไทยยังคงควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นายไว้ดังเดิม ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ท่าทีของฝ่ายไทยยังคงนิ่งและยึดตามหลักการ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (สมมติ) ได้ระบุว่า กระบวนการปล่อยตัวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้อที่ตกลงกันไว้ให้ครบถ้วนเสียก่อน ซึ่งประกอบด้วย:
ท่าทีดังกล่าวของไทยได้จุดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงในสังคมกัมพูชา โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดียที่ตั้งคำถามโดยตรงไปยังรัฐบาลว่า "การลงนามในข้อตกลงให้อะไรกับประเทศ?" ในเมื่อทหารยังไม่ได้รับการปล่อยตัวและด่านการค้ายังไม่เปิดทำการตามที่คาดหวัง
นักวิเคราะห์ทางการทูตชี้ว่า ปัญหาเกิดจากการตีความข้อตกลงที่แตกต่างกัน โดยฝ่ายกัมพูชาอาจมองว่าการลงนามเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพที่จะนำไปสู่การคลี่คลายทุกปัญหาในวงกว้าง แต่ฝ่ายไทยตีความในกรอบที่แคบกว่า โดยมองว่า การปล่อยตัวทหารเป็นกระบวนการทางกฎหมายระหว่างประเทศ ที่แยกส่วนและจะเกิดขึ้นหลังปฏิบัติตามเงื่อนไขด้านความมั่นคงครบถ้วนแล้วเท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้ไม่ได้ถูกระบุไว้ในข้อตกลงโดยตรง ทำให้ไทยมีอำนาจในการควบคุมตัวทหารต่อไป
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลของฮุน มาเนต กำลังเผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่นภายในประเทศ ประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการเจรจา ขณะที่ฝ่ายไทยสามารถคุมเกมทางการทูตได้อย่างเยือกเย็นโดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม สถานการณ์ล่าสุดจึงกลายเป็น "สันติภาพที่ว่างเปล่า" ซึ่งแทนที่จะช่วยลดความขัดแย้ง กลับกลายเป็นชนวนเหตุที่สร้างแรงกดดันทางการเมืองให้แก่ผู้นำกัมพูชาเสียเอง
ท่าทีของฝ่ายไทยยังคงนิ่งและยึดตามหลักการ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (สมมติ) ได้ระบุว่า กระบวนการปล่อยตัวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้อที่ตกลงกันไว้ให้ครบถ้วนเสียก่อน ซึ่งประกอบด้วย:
1.การถอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ออกจากพื้นที่ชายแดน
2.การเก็บกู้วัตถุระเบิดอื่นๆ ที่ยังคงหลงเหลือ
3.การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง
4.การเปิดจุดผ่านแดนเพื่อส่งเสริมการค้าอย่างเป็นรูปธรรมท่าทีดังกล่าวของไทยได้จุดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงในสังคมกัมพูชา โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดียที่ตั้งคำถามโดยตรงไปยังรัฐบาลว่า "การลงนามในข้อตกลงให้อะไรกับประเทศ?" ในเมื่อทหารยังไม่ได้รับการปล่อยตัวและด่านการค้ายังไม่เปิดทำการตามที่คาดหวัง
นักวิเคราะห์ทางการทูตชี้ว่า ปัญหาเกิดจากการตีความข้อตกลงที่แตกต่างกัน โดยฝ่ายกัมพูชาอาจมองว่าการลงนามเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพที่จะนำไปสู่การคลี่คลายทุกปัญหาในวงกว้าง แต่ฝ่ายไทยตีความในกรอบที่แคบกว่า โดยมองว่า การปล่อยตัวทหารเป็นกระบวนการทางกฎหมายระหว่างประเทศ ที่แยกส่วนและจะเกิดขึ้นหลังปฏิบัติตามเงื่อนไขด้านความมั่นคงครบถ้วนแล้วเท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้ไม่ได้ถูกระบุไว้ในข้อตกลงโดยตรง ทำให้ไทยมีอำนาจในการควบคุมตัวทหารต่อไป
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลของฮุน มาเนต กำลังเผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่นภายในประเทศ ประชาชนเริ่มตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการเจรจา ขณะที่ฝ่ายไทยสามารถคุมเกมทางการทูตได้อย่างเยือกเย็นโดยไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม สถานการณ์ล่าสุดจึงกลายเป็น "สันติภาพที่ว่างเปล่า" ซึ่งแทนที่จะช่วยลดความขัดแย้ง กลับกลายเป็นชนวนเหตุที่สร้างแรงกดดันทางการเมืองให้แก่ผู้นำกัมพูชาเสียเอง



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว