
เปิดสาระสำคัญ 8 ข้อ ทรัมป์ โผล่เป็นพยาน ไทย-กัมพูชาจับมือสงบศึก
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ เปิดสาระสำคัญ 8 ข้อ ทรัมป์ โผล่เป็นพยาน ไทย-กัมพูชาจับมือสงบศึก

ประวัติศาสตร์จารึก! ไทย-กัมพูชาจับมือเซ็นสันติภาพ ปิดฉากความขัดแย้งยาวนาน ‘ทรัมป์-อันวาร์' ร่วมเป็นพยาน
สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับภูมิภาค! เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ประเทศไทยและกัมพูชาได้จับมือกันลงนามในข้อตกลงสันติภาพครั้งสำคัญ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์และสร้างสันติสุขบริเวณชายแดนให้กลับมาอีกครั้ง
บรรยากาศงานครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะได้บุคคลสำคัญระดับโลกร่วมเป็นสักขีพยาน นำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เจ้าภาพจัดงาน ตอกย้ำความสำคัญของการลงนามในครั้งนี้ที่ทั่วโลกจับตามอง
การลงนามดังกล่าวมีนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล แห่งราชอาณาจักรไทย และ นายฮุน มาแนต แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นผู้ลงนามหลัก โดยมีสาระสำคัญ 8 ประเด็นหลักที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ของสองชาติไปตลอดกาล
สรุป 8 ประเด็นสำคัญ สู่สันติภาพที่ยั่งยืน
นี่คือหัวใจของข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง:
1. ยึดมั่นในสันติภาพ: ทั้งสองฝ่ายยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ใช้กำลังหรือการคุกคามใดๆ ต่อกัน แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน
2. ทำตามข้อตกลงเดิม:ยืนยันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีอยู่แล้วในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)
3. ตั้งทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT): จะมีทีมกลางจากชาติอาเซียนเข้ามาช่วยดูแลและตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงถูกนำไปใช้อย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
4. แอคชั่นแพลนลดความตึงเครียด: นี่คือภาคปฏิบัติที่ชัดเจนที่สุด!
-ถอยทัพ เก็บอาวุธหนัก:จะมีการถอนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงออกจากแนวชายแดน โดยมีทีมผู้สังเกตการณ์คอยดูแล
-หยุดสาดโคลน-ปล่อยข่าวปลอม: ยุติการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ วาทกรรมสร้างความเกลียดชัง เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการเจรจา
-สร้างความเชื่อใจ:เดินหน้าฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจฉันมิตรประเทศเพื่อนบ้าน
-เก็บกู้ทุ่นระเบิด:ร่วมมือกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการปักปันเขตแดนในอนาคต
-คุยผ่านกลไกที่มี: ใช้คณะกรรมการชายแดน (RBC, GBC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นเวทีหลักในการแก้ปัญหาข้อพิพาทอย่างสันติ
5.สิ้นสุดความเป็นปรปักษ์-ปล่อยเชลยศึก:เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะถือว่าความขัดแย้งได้สิ้นสุดลง และเพื่อแสดงความจริงใจ ฝ่ายไทยจะดำเนินการปล่อยตัวเชลยศึกโดยทันที
6. ผนึกกำลังปราบอาชญากรรมข้ามชาติ: เพิ่มความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและลาดตระเวนชายแดน เพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดและการค้ามนุษย์
7. มองไปข้างหน้า-ไม่ยึดติดอดีต:ทั้งสองรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่สดใสร่วมกัน ปูทางสู่บทใหม่ของสันติภาพและความร่วมมือตามหลักกฎบัตรสหประชาชาติและอาเซียน
8. ขอบคุณผู้สนับสนุน:แสดงความขอบคุณอย่างยิ่งต่อ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ นายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้การฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งนี้เกิดขึ้นได้จริง
การลงนามครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมือฉันมิตรระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อสร้างความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศและภูมิภาคอาเซียนโดยรวม
สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับภูมิภาค! เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ประเทศไทยและกัมพูชาได้จับมือกันลงนามในข้อตกลงสันติภาพครั้งสำคัญ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์และสร้างสันติสุขบริเวณชายแดนให้กลับมาอีกครั้ง
บรรยากาศงานครั้งนี้ไม่ธรรมดา เพราะได้บุคคลสำคัญระดับโลกร่วมเป็นสักขีพยาน นำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เจ้าภาพจัดงาน ตอกย้ำความสำคัญของการลงนามในครั้งนี้ที่ทั่วโลกจับตามอง
การลงนามดังกล่าวมีนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล แห่งราชอาณาจักรไทย และ นายฮุน มาแนต แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นผู้ลงนามหลัก โดยมีสาระสำคัญ 8 ประเด็นหลักที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ของสองชาติไปตลอดกาล
สรุป 8 ประเด็นสำคัญ สู่สันติภาพที่ยั่งยืน
นี่คือหัวใจของข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง:
1. ยึดมั่นในสันติภาพ: ทั้งสองฝ่ายยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ใช้กำลังหรือการคุกคามใดๆ ต่อกัน แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี และเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน
2. ทำตามข้อตกลงเดิม:ยืนยันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงที่มีอยู่แล้วในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)
3. ตั้งทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT): จะมีทีมกลางจากชาติอาเซียนเข้ามาช่วยดูแลและตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงถูกนำไปใช้อย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
4. แอคชั่นแพลนลดความตึงเครียด: นี่คือภาคปฏิบัติที่ชัดเจนที่สุด!
-ถอยทัพ เก็บอาวุธหนัก:จะมีการถอนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงออกจากแนวชายแดน โดยมีทีมผู้สังเกตการณ์คอยดูแล
-หยุดสาดโคลน-ปล่อยข่าวปลอม: ยุติการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ วาทกรรมสร้างความเกลียดชัง เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการเจรจา
-สร้างความเชื่อใจ:เดินหน้าฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจฉันมิตรประเทศเพื่อนบ้าน
-เก็บกู้ทุ่นระเบิด:ร่วมมือกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการปักปันเขตแดนในอนาคต
-คุยผ่านกลไกที่มี: ใช้คณะกรรมการชายแดน (RBC, GBC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นเวทีหลักในการแก้ปัญหาข้อพิพาทอย่างสันติ
5.สิ้นสุดความเป็นปรปักษ์-ปล่อยเชลยศึก:เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะถือว่าความขัดแย้งได้สิ้นสุดลง และเพื่อแสดงความจริงใจ ฝ่ายไทยจะดำเนินการปล่อยตัวเชลยศึกโดยทันที
6. ผนึกกำลังปราบอาชญากรรมข้ามชาติ: เพิ่มความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและลาดตระเวนชายแดน เพื่อป้องกันปัญหายาเสพติดและการค้ามนุษย์
7. มองไปข้างหน้า-ไม่ยึดติดอดีต:ทั้งสองรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่สดใสร่วมกัน ปูทางสู่บทใหม่ของสันติภาพและความร่วมมือตามหลักกฎบัตรสหประชาชาติและอาเซียน
8. ขอบคุณผู้สนับสนุน:แสดงความขอบคุณอย่างยิ่งต่อ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ นายกฯ อันวาร์ อิบราฮิม ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้การฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งนี้เกิดขึ้นได้จริง
การลงนามครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมือฉันมิตรระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อสร้างความมั่นคงและเจริญรุ่งเรืองให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศและภูมิภาคอาเซียนโดยรวม










กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว