บิ๊กเต่า เผย พระอลงกต ยอมสึก ด้วยความสมัครใจ

‘บิ๊กเต่า' เผย ‘พระอลงกต' ยอมสึกด้วยความสมัครใจ พบเงินหมุนเวียนหลักพันล้าน! ชี้ 'การปลอมใบสุทธิ' เป็นความผิดอาญา

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ 'บิ๊กเต่า' รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าคดีเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ หลังเข้าสอบปากคำ นายอลงกต อดีตพระสงฆ์ว่า อดีตพระอลงกตให้ความร่วมมือและยอมลาสิกขาบทโดยไม่มีการบังคับ พร้อมยอมรับว่าบางเรื่องที่ทำไปนั้นผิดกฎหมายบ้านเมือง

เงินหมุนเวียนมหาศาล-เส้นทางซับซ้อน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การสืบสวนพบเส้นทางการเงินจำนวนมหาศาล โดยมีเงินหมุนเวียนหลักพันล้านบาท ซึ่งนำไปใช้จ่ายและลงทุนในรูปแบบต่างๆ ทั้งการซื้อที่ดิน ทำสนามฟุตบอล และลงทุนในบริษัท ซึ่งทำมานานกว่า 10 ปี โดยช่วงแรกเป็นไปตามเจตนาบริสุทธิ์ แต่เมื่อมีเงินจำนวนมากเข้ามาทำให้เกิดกิเลสและนำไปใช้ในทางที่ผิด

ปลอมใบสุทธิเป็นความผิดอาญา
ด้านความผิดในการปลอมใบสุทธิ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าการปลอมใบสุทธิถือเป็นความผิดอาญา และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้หลักฐานใบสุทธิดังกล่าวแล้ว และจะตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงปัจจุบัน รวมถึงไทม์ไลน์ที่อดีตพระอลงกตหายตัวไป 5-6 ปี ซึ่งเข้าข่ายหนีทหารและอาจมีคดีอาญาอื่นร่วมด้วย

‘หมอบี' ยังให้การไม่เป็นประโยชน์
สำหรับ 'หมอบี' ผู้ต้องหาอีกคนยังคงอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน และให้การไม่เป็นประโยชน์มากนัก ขณะที่เงินในบัญชี "ใจฟ้า" ที่เป็นต้นเหตุคดี มีเงินเริ่มต้น 300 ล้านบาท ซึ่งจากนี้จะขยายผลไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องและยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดทั้งหมด

นอกจากนี้ นายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการ ป.ป.ท. เสริมว่า การตรวจสอบเส้นทางการเงินยังคงดำเนินต่อไป และยอดเงินที่เกี่ยวข้องนั้นมีจำนวนมหาศาลเกินกว่าหลักร้อยล้านบาท ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่และ ปปง. ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นก่อน ขณะที่ ป.ป.ช. จะเข้ามาตรวจสอบว่าเงินบริจาคมีการใช้จ่ายถูกต้องหรือไม่ หากพบการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็จะส่งเรื่องให้ดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ อดีตพระอลงกตและหมอบียังไม่ได้ยื่นขอประกันตัว โดยเจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่อาจหลบหนี และยอมรับว่าต้องใช้เวลาในการสืบสวนคดีนี้เพราะเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นมานานกว่า 30 ปี