ชมคลิปช็อตเด็ด!ลูกพีชคุกเข่าขอโทษ แต่กันจอมพลังช็อตฟิลแรงมาก

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 15.55 น. ที่ สภ.ลำลูกกา 'กัน จอมพลัง' ได้พาบุตรสาวของคุณลุงคุณป้า ผู้เสียหายจากกรณีรถ BMW หรูชนกระบะ เดินทางมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตำรวจ โดยมี นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ 'เฮียเบี้ยว' พร้อมด้วยบุตรชาย นายมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ 'พีช' คู่กรณี นั่งรอเพื่อขอโทษญาติผู้เสียหาย

'กัน จอมพลัง' เปิดเผยว่า วันนี้พาครอบครัวและพยานมาพบตำรวจ เพื่อเปิดโอกาสให้คู่กรณีได้พูดคุยกับครอบครัวผู้บาดเจ็บต่อหน้าทุกคน เพื่อเป็นสักขีพยาน เนื่องจากครอบครัวผู้เสียหายและตนเองยังมีข้อสงสัยหลายประการ ต้องการทราบว่าคู่กรณีสำนึกผิดจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการแสดงออกภายใต้แรงกดดันจากสังคม

'กัน จอมพลัง' กล่าวถึงคำพูดของคู่กรณีในรายการโทรทัศน์เมื่อวานที่ระบุว่ารู้สึกผิด แต่กลับมีบางช่วงที่กล่าวโทษว่าหากผู้เสียหายไม่จอดรถก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ รวมถึงตั้งคำถามว่าหากตนเองขับรถช้าลงหรือไม่ประมาทก็คงไม่เกิดอุบัติเหตุเช่นกัน ซึ่ง 'กัน จอมพลัง' มองว่าเป็นการไม่ถูกต้อง เพราะสิ่งที่ปรากฏในคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นพฤติการณ์ที่น่าสงสัยของรถ BMW ที่ขับเอียงซ้ายขวาหลายครั้ง คล้ายจงใจปาดหน้าเพื่อให้เกิดอุบัติเหตุตั้งแต่แรก

'กัน จอมพลัง' ย้ำว่าสิ่งที่ต้องการคือให้คู่กรณีเลิกแก้ตัว สำนึกผิดจากใจจริง และรับผิดชอบค่าเสียหายของผู้เสียหายอย่างเต็มที่ ทั้งค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถยนต์ พร้อมกล่าวว่าตนเองเข้ามาดูแลครอบครัวผู้เสียหายในเคสนี้ และจะไม่ยอมให้ใครมาสร้างความวุ่นวาย หากมีใครเข้ามาแทรกแซงก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ 'กัน จอมพลัง' ยังได้กล่าวถึงกรณีการปล่อยตัวคู่กรณีโดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยได้สอบถามไปยัง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ว่ามาตรฐานนี้ใช้กับทุกคนหรือไม่ หากเป็นชาวบ้านทั่วไปที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส จะได้รับการปล่อยตัวที่โรงพักเช่นกันหรือไม่

ด้าน น.ส.นุ๊ก บุตรสาวผู้ขับขี่รถกระบะ เปิดเผยว่า ส่วนตัวมองว่าการมาขอโทษของคู่กรณีในครั้งนี้ไม่จริงใจ เป็นเพียงการแสดงออกเพื่อลดแรงกดดันจากสังคมและหวังผลต่อรูปคดี ซึ่งต่างจากการขอโทษที่ออกมาจากใจจริงที่ควรจะเป็น ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถให้อภัยได้ เนื่องจากพ่อและแม่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และต้องการเห็นความรับผิดชอบที่ชัดเจน รวมถึงความมั่นใจในความปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจก่อนที่จะสามารถให้อภัยได้

ต่อมา เวลา 16.20 น. นายกฤษฎา หรือ 'เฮียเบี้ยว' ได้พาบุตรชาย 'พีช' มาพบกับ น.ส.แสงอรุณ หาญเหมย และ นายฉัตรวิวัตร์ ดวงใย บุตรของ นายประจักษ์ ดวงใย (65 ปี) และ นางสมศรี ดวงใย (64 ปี) ผู้เสียหาย พร้อมด้วย 'กัน จอมพลัง'

เมื่อ 'พีช' เดินออกมาพร้อมพวงมาลัยและนั่งคุกเข่าต่อหน้า น.ส.แสงอรุณ เพื่อจะกล่าวขอขมา แต่ในจังหวะนั้น 'กัน จอมพลัง' ได้เข้ามาดึงตัว น.ส.แสงอรุณ ออกมาเพื่อไม่ให้รับพวงมาลัย โดยให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นความจริงใจในการขอโทษ และเป็นการกระทำที่เหมือนบังคับกัน

ขณะที่ 'พีช' ยังคงคุกเข่าประนมมือถือพวงมาลัยและกล่าวทั้งน้ำตาว่า "ผมขอโทษด้วยนะครับ พี่นุ๊ก พี่นิก แล้วก็ลุงๆ ป้าๆ ผมไม่ได้เจตนาให้มันเป็นแบบนั้น แล้วก็เรื่องค่าเสียหายทั้งหมด ค่ารถ ค่ารักษาพยาบาลผมยินยอมที่จะดูแลให้ แล้วก็เรื่องที่ผมไม่ได้ไปดูแลวันแรก ผมตกใจจริงๆ ผมไม่ได้มีเจตนาจะหนีไปไหน ผมก็รู้สึกผิด ที่ทำให้คุณลุงคุณป้าเจ็บ เพราะผมมองย้อนไป ถ้าเป็นครอบครัวผม เป็นพ่อ แม่ ผม ผมก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน มาวันนี้ผมก็ตั้งใจจะมาขอโทษ แล้วก็จะขอโอกาสสังคม ให้สังคมให้โอกาสผมหยุดด่าผม"

ทันทีที่ 'พีช' พูดจบ 'กัน จอมพลัง' ได้ถามขึ้นว่า "แล้ววันนั้นทำไมไม่เรียกรถพยาบาลให้หน่อย!" ทำให้นายกฤษฎา ผู้เป็นพ่อ รีบดึงลูกชายขึ้นมาและกล่าวว่า "พอแล้ว ไม่เป็นไรครับ เราเจตนามาขอโทษแล้ว เราตั้งใจมาขอโทษแล้ว ในส่วนเรื่องการขอโทษผมยินดีตลอด ก็อยากไปกราบขอโทษคุณลุงคุณป้า ซึ่งตอนนี้ผมรู้สึกผิดครับ" ก่อนที่จะพากันขึ้นรถและกล่าวทิ้งท้ายว่า "ผมอยากไปเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้า" แล้วขับรถออกไปทันที

'กัน จอมพลัง' กล่าวภายหลังว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองยังไม่รู้สึกว่าเป็นการเจรจาที่แท้จริง และตั้งคำถามถึงจุดประสงค์ของการมาในวันนี้ว่าเป็นเพียงการมาเพื่อนำไปประกอบการลดโทษหรือไม่ หากมีความจริงใจในการขอโทษจริง ทำไมการตอบคำถามเพื่อให้ครอบครัวผู้เสียหายสบายใจจึงเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เพียงแค่ทำตามความต้องการของตนเองแล้วก็จากไป

'กัน จอมพลัง' มองว่าวันนี้เป็นโอกาสดีที่คู่กรณีจะได้แสดงความจริงใจและพูดคุยกับครอบครัวผู้เสียหาย หากครอบครัวผู้เสียหายรู้สึกดีขึ้น การที่จะไปพูดคุยกับผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่การบุกเข้าไปในโรงพยาบาลโดยที่ยังไม่มีการเยียวยาใดๆ ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่ารักษาพยาบาลหรือค่าซ่อมรถยนต์ที่ผ่านมา 4-5 วันแล้ว ก็ไม่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการขอโทษ

เครดิตคลิป : thestandardth