ถกประเด็นร้อนประกันสังคม : ไอซ์ รัชนกVS รมต.พิพัฒน์

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ในรายการ "กรรมกรข่าว คุยนอกจอ" ดำเนินรายการโดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนางสาวรักชนก ศรีนอก (ไอซ์) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน ร่วมพูดคุยถึงประเด็นกองทุนประกันสังคม

นายพิพัฒน์ เผยว่า กำลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในเพื่อย้อนดูปัญหาในอดีต แม้บางเรื่องจะเกิดในสมัยรัฐบาลก่อน แต่ตนต้องรับผิดชอบชี้แจงต่อสังคมในฐานะผู้ดูแลกระทรวง พร้อมระบุว่า บอร์ดแพทย์ ซึ่งจะหมดวาระสิ้นเดือนนี้ จะเปิดโอกาสให้กลุ่มประกันสังคมก้าวหน้าเสนอตัวแทนเข้าร่วมด้วย เขายอมรับว่าแม้ไม่ใช่นักการเมือง แต่ด้วยประสบการณ์บริหารมืออาชีพ สิ่งแรกที่ต้องโฟกัสคือผลตอบแทนของกองทุนประกันสังคม

นางสาวรักชนก กล่าวว่า หากพิจารณาไทม์ไลน์ กองทุนประกันสังคมอาจล้มละลายใน 20-30 ปี ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เพราะผู้ประกันตนวัย 26 ปี ที่จ่ายเงินสมทบไปจนถึงวัยเกษียณ อาจไม่มีเงินใช้ จึงต้องรื้อโครงสร้างใหม่ ไม่ใช่แค่ประชุมเฉยๆ เธอตั้งข้อสังเกตว่า บอร์ดแพทย์ชุดย่อย ซึ่งควบคุมงบ 7 หมื่นล้านบาท ตัดสินใจเรื่องสิทธิการรักษา แต่กลับมีตัวแทนจากโรงพยาบาลเอกชนและกองทุน สปสช.
ซึ่งอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำเมื่อเทียบกับบัตรทอง โดยเฉพาะสิทธิประกันสังคมที่ดูด้อยกว่า

นายพิพัฒน์ ชี้แจงว่า ได้รับข้อร้องเรียนจากผู้ประกันตนจำนวนมาก และมีการหารือกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) อย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหา เช่น การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก อย่างตู้ตรวจสุขภาพ หรือแพทย์ให้คำปรึกษา รวมถึงสั่งบอร์ดแพทย์ปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้างให้สะดวกขึ้น หาก สปสช. มีอะไรดีกว่า ก็พร้อมเลียนแบบ โดยไม่รู้สึกอาย

นางสาวรักชนก เสนอว่า รัฐมนตรีมีอำนาจวางนโยบายและปลดบอร์ดที่ทำงานไม่ได้ แต่ นายพิพัฒน์ โต้กลับว่า การปลดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบอร์ดมีวาระชัดเจน สิ่งที่ทำได้คือขอให้ลาออก ซึ่งตอนนี้ใกล้หมดวาระแล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายส่งตัวแทนเข้าร่วมบอร์ดใหม่ โดยเน้นแพทย์เป็นหลัก และต้องรับผิดชอบร่วมกัน

เมื่อ นายสรยุทธ ถามถึงผลประโยชน์ทับซ้อนจากตัวแทนสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในบอร์ดแพทย์ นางสาวรักชนก ตอบว่า บอร์ดแพทย์มีอำนาจกำหนดสิทธิรักษา แต่ไม่มีตัวแทนผู้ประกันตน ทำให้ขาดคนสะท้อนปัญหา เช่น ค่าทำฟัน 900 บาท ซึ่งจริงๆ เบิกได้มากกว่านี้ในโรงพยาบาลเครือข่าย แต่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ เพราะกลัวเบิกเยอะกระทบรายได้โรงพยาบาลเอกชน

นายพิพัฒน์ เห็นต่างว่า มีตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน 1-2 เสียง เพื่อสะท้อนปัญหา เช่น บางโรงพยาบาลขาดทุนและอยากถอนตัวจากระบบ หากไม่เชิญร่วมก็ไม่รู้ปัญหา แต่ย้ำว่าแพทย์ต้องเป็นแกนหลัก เขายังเสนอให้รวมตัวแทนจากหลายฝ่าย รวมถึง สปสช. และเรียนรู้จากระบบต่างประเทศ

นางสาวรักชนก ท้วงว่า การดูงานไม่ผิด แต่ต้องคุ้มค่าและนำมาปรับปรุงจริง ไม่ใช่กลับมาแล้วระบบยังแย่เหมือนเดิม นายพิพัฒน์ โต้กลับว่า สปส. ปรับปรุงต่อเนื่อง เช่น เพิ่มรถโมบายล์รักษาฟัน ซึ่ง สปสช. ไม่มี และกำลังปรับค่าทำฟันจาก 900 บาท เป็น 1,200 บาท โดยยอมรับจุดด้อยและพร้อมประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจนว่า 900 บาท เป็นงบป้องกันเท่านั้น ส่วนรักษาเพิ่มเติมเบิกได้

นางสาวรักชนก ปิดท้ายว่า พร้อมสนับสนุนรัฐมนตรีให้รื้อโครงสร้างประกันสังคม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน และยินดีช่วยขจัดอุปสรรคในการทำงานต่อไป

-

เครดิตแหล่งข้อมูล : เรียบเรียงจาก Live "กรรมกรข่าว คุยนอกจอ"