ทักษิณ ลั่น ต้องถอดสัญชาติไทย เจ้าของตึก25ชั้นปอยเปต

"ทักษิณ" เผยนายกฯ คุยจีนราบรื่น ชูแนวทางปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องจัดการที่ต้นเหตุ

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานเขตบางรัก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าการเจรจาระหว่างไทยและจีนเป็นไปด้วยดี โดยเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ

นายทักษิณกล่าวว่า ไทยมีบทบาททางการทูตที่ต้องสมดุลระหว่างมหาอำนาจ เนื่องจากไทยมีพันธมิตรเก่าแก่คือ สหรัฐอเมริกา และในขณะเดียวกันก็มี จีนเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ ซึ่งความสัมพันธ์เหล่านี้ต้องถูกบริหารให้เหมาะสม

ร่วมมือไทย-จีนเดินหน้าปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ลั่นต้องจัดการที่ต้นเหตุ
นายทักษิณเปิดเผยว่า ไทยและจีนมีความร่วมมือที่เข้มข้นในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ซึ่งขณะนี้กำลังเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งภายใน โดยรายได้ส่วนหนึ่งที่ใช้ในการสู้รบมาจาก กระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด หากไม่จัดการที่ต้นเหตุ ปัญหานี้จะไม่มีวันจบ

"หากเราสามารถไล่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกจากเมียนมาได้ ก็จะสามารถฟื้นฟูชุมชนในพื้นที่ได้" นายทักษิณกล่าว พร้อมเสริมว่าไทยพร้อมช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้าและโทรศัพท์ ให้กลับมาเป็นปกติ หากเมียนมาสามารถควบคุมสถานการณ์ภายในได้

เตรียมถอนสัญชาติไทยเจ้าของตึก 25 ชั้นที่ปอยเปต
สำหรับฝั่ง กัมพูชา นายทักษิณเปิดเผยว่าข้อมูลเกี่ยวกับ ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีความชัดเจนขึ้น ว่าใครเป็นผู้ดำเนินการ และยืนยันว่า ตึก 25 ชั้นในปอยเปต ซึ่งเป็นศูนย์กลางของขบวนการนี้ มีเจ้าของเป็นคนไทย

"เรารู้ว่าตึกนี้เป็นของใคร และเขามีสัญชาติไทย เมื่อถึงเวลาเราจะต้องดำเนินการถอนสัญชาติ" นายทักษิณกล่าว

มาตรการบล็อกไฟ-น้ำมัน สกัดการดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมาย
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับมาตรการ ตัดไฟฝั่งเมียนมา เพื่อกดดันขบวนการอาชญากรรม นายทักษิณย้ำว่า ไทยยังคงใช้มาตรการกดดันอย่างเข้มงวด แม้เมียนมาจะหันไปใช้พลังงานจาก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

"ไม่เป็นไร น้ำมันเราก็บล็อก ไม่ให้ส่งเข้าไปปั่นไฟ ถ้ามีการส่งผ่านทางลาว ก็คงไม่สะดวก"

ไทย-จีน เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ หวังแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
การให้สัมภาษณ์ของ นายทักษิณ ชินวัตร สะท้อนถึงแนวทาง การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติที่ต้องแก้ไขจากต้นเหตุ โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับจีนและเพื่อนบ้านในภูมิภาค ซึ่งไทยยังคง ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อกวาดล้างขบวนการผิดกฎหมายให้หมดสิ้น