AstraZeneca ถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก
หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อ 1 พ.ค.2567 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่แอสตราเซเนกา ยอมรับครั้งแรกว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชื่อ "Covishield" สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ยาก รวมถึงภาวะลิ่มเลือด และเกล็ดเลือดต่ำ
ล่าสุด AstraZeneca บริษัทร่วมทุนของอังกฤษและสวีเดน ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ขณะนี้มีวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับไวรัสกลายพันธุ์หลายชนิด จนมีวัคซีนมากเกินความต้องการ ทำให้วัคซีนโควิด-19 ซึ่งพัฒนาโดยแอสตราเซเนกา มีความต้องการน้อยลง โดยทางบริษัทไม่ได้ผลิตหรือจัดหาวัคซีนตัวนี้แล้วกระบวนการถอนใบอนุญาตทางการตลาดทางการตลาดในยุโรป เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีผลในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ทำให้วัคซีนดังกล่าวไม่สามารถจำหน่าย และใช้การในสหภาพยุโรปได้ จากนี้จะทยอยถอนใบอนุญาตในทุกประเทศ
แถลงการณ์ของแอสตราเซเนกา ไม่ได้เอ่ยถึงกรณีที่ทางบริษัทยอมรับว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทสามารถก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำได้
แม้กรณีดังกล่าวจะพบได้ยากมาก ซึ่งทำให้ทางบริษัทเผชิญกระแสวิจารณ์อย่างหนัก และตอนนี้แอสตราเซเนกาอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาล หลังถูกฟ้องกรณีวัคซีนโควิด-19 ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงและการเสียชีวิตในผู้รับวัคซีน
โดยในช่วงเริ่มต้นการระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 บริษัทแอสตราเซเนกาถือเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และได้รับอนุญาตจากหลายประเทศให้ใช้วัคซีนที่พัฒนาขึ้นใหม่เป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการระบาดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและป่วยหนักเป็นจำนวนมาก