รมต.ต่างประเทศเผยยังไม่มีทหารพม่าขอลี้ภัย
นายปานปรีย์ฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์จากผู้แทนหน่วยงานระดับสูงในพื้นที่บริเวณกองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร อาทิ พล.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ปาณิกบุตร ผบ.กกล.นเรศวร พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ตาก พ.อ.ณัฐกร เรือบติ๊บ ผบก. หน่วยเฉพาะกิจ (ฉก.) ราชมนู พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก
ในหลายประเด็นนายปานปรีย์ยอมรับว่ามีความซับซ้อน ซึ่งต้องยอมรับว่าเมียนมาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ประชาชนไปมาหาสู่กันทุกวันและค้าขายระหว่างกันสูงมากโดยเฉพาะในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
ไทยเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบสถานการณ์สู้รบรุนแรงบริเวณชายแดนเมียวดีตรงข้ามอำเภอแม่สอด แบ่งคนเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่1. คนไทยบริเวณชายแดนที่ได้รับผลกระทบ มีการเตรียมพร้อมด้วยการจัดสถานที่ไว้แล้ว
2. ชาวเมียนมาที่หนีภัยการสู้รบ สามารถข้ามมาไทยได้อย่างปลอดภัย โดยมีการจัดเตรียมพื้นที่รองรับ 123 จุด
3. ทหารเมียนมาจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่บริเวณสะพานแห่งที่ 2 ฝั่งเมียวดีนั้น ยังไม่มีการร้องขอเข้ามาอย่างเป็นทางการ 4. คนจีนที่จะข้ามมาอาจเป็นกลุ่มที่เข้ามาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยืนยันจะมีระบบคัดกรองที่ชัดเจน
แม้จากการติดตามข่าวที่คาดว่าทหารบริเวณสะพานแห่งที่ 2 มีราว 200 คน แต่จากการไปตรวจสอบด้วยตนเองพบว่า ทหารมีจำนวนน้อยกว่ามาก และเสมือนอยู่กันอย่างปกติ"กรณีทหารเมียนมา ยังไม่มีการร้องขอเข้ามาอย่างเป็นทางการ และสำหรับหลักการปฏิบัติในกรณีทหารฝั่งเมียนมาขอข้ามแดนเพราะเกิดภยันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัย มีขั้นตอนชัดเจน คือต้องปลดอาวุธ แต่งตัวเป็นพลเรือน จึงจะอนุญาตให้เข้ามาตามหลักมนุษยธรรมขององค์การสหประชาชาติ ไทยไม่มีนโยบายส่งกลับไปในที่อันตราย เป็นหลักปฏิบัติที่เรายึดถือ" นายปานปรีย์กล่าว
วันเดียวกัน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ และกรมองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมการประชุมกับน.ส.นีเวน อัลเบิร์ต รองผู้แทนสำนักข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ ประจำประเทศไทย ที่อ.แม่สอด โดยวาระที่หารือยูเอ็นเอชซีอาร์เสนอช่วยไทยในการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้อพยพในด้านต่างๆ อาทิ อาหาร สาธารณสุข
เมื่อสอบถามว่า ไทยได้ขอให้รัฐบาลทหารเมียนมางดเว้นถล่มเมืองเมียวดีหรือไม่
นายปานปรีย์กล่าวว่า ไทยได้ส่งข้อความไปยังรัฐบาลเมียนมาหลายครั้งแล้ว ว่าฝ่ายไทยไม่ต้องการความรุนแรงและล่าสุดได้พูดคุยกับอาเซียนให้ออกแถลงการณ์ในเรื่องเร่งด่วนนี้ ขอให้ลดความรุนแรงลง อยากให้หันมาพูดคุยกัน ตามหลักฉันทามติ 5 ข้อ และมีการหารือให้เมียวดีเป็นพื้นที่ปลอดภัยด้วย จากข่าวลือว่าอาจเกิดการต่อสู้กันอีกครั้งหนึ่ง
ในประเด็นการรุกล้ำน่านฟ้าไทยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นายปานปรีย์กล่าวว่า มีขั้นตอนในการปฏิบัติ อาทิ การตักเตือนกันก่อน รัฐบาลยืนยันชัดเจนว่า ไม่ยอมให้มีการละเมิดเข้ามาในแผ่นดินไทยและได้เตรียมความพร้อมรับมือไว้แล้ว
ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในเมียนมา โดยเฉพาะในเมืองเมียวดี เนื่องจากกลุ่มที่เคยเป็นพรรคพวกกันเองแยกกลุ่มกันแล้ว จึงไม่ทราบว่าใครเป็นฝ่ายใคร เพราะฉะนั้นอาจต้องรอความชัดเจนในการที่ไทยจะเข้ามามีบทบาทในการเจรจาระหว่างฝ่ายต่างๆ
นายปานปรีย์ ยังประเมินสถานการณ์ในเมียวดีว่า หากจะมีการเข้ายึดพื้นที่คงทำไปนานแล้ว ขณะนี้ น่าจะมีการเจรจาเพื่อผ่อนปรนและยุติปัญหาให้ได้
"สถานการณ์ในไทยไม่น่าห่วง แต่ห่วงสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งมีความไม่แน่นอน ต้องดูวันต่อวัน สถานการณ์ไม่ชัดเจน" นายปานปรีย์กล่าวนายปานปรีย์สำรวจทั้งด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 สำหรับประชาชนเข้าและออก โดยเป็นที่ตั้งของด่านตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากรและด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 สำหรับการขนส่งสินค้าปริมาณมาก
รวมถึงด่านศาลเจ้า 34 ซึ่งเป็นด่านธรรมชาติขนาดเล็ก นับเป็น 3 ด่านที่มีความสำคัญ และว่า วันนี้ไม่มีสถานการณ์ใดๆ ไม่มีการปิดด่าน การขนส่งกลับมาเป็นปกติแล้ว ชาวเมียนมาและไทย เดินทางไปมาหาสู่กันตามปกติ
ขณะนี้ด่านพรมแดน 2 เปิดแล้ว จากที่เคยปิดในฝั่งเมียวดี โดยที่ฝั่งไทยไม่ปิดอยู่แล้ว และเนื่องจากการค้าในเส้นทางด่านแม่สอดและเมียวดีมีมูลค่าค่อนข้างสูง และร่วงลงไปหลายเปอร์เซ็น หากสถานการณ์ในเมียวดีเลวร้ายลงหรือเมียวดีโดนยึด อาทิ ถนนถูกปิด ซึ่งได้หารือภาคธุรกิจเกี่ยวกับทางเลือกในการส่งสินค้าในเส้นทางใหม่ แต่ปริมาณสินค้าไม่เหมือนเดิม และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งรัฐบาลพร้อมดูแล เพราะเป็นผลประโยชน์ของไทยโดยตรง...