พิพิธภัณฑ์สหรัฐเตรียมส่ง‘พระศิวะสำริด-ประติมากรรมสตรี’ศตวรรษที่ 16 คืนไทย
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ พิพิธภัณฑ์สหรัฐเตรียมส่ง‘พระศิวะสำริด-ประติมากรรมสตรี’ศตวรรษที่ 16 คืนไทย
‘เสริมศักดิ์' แจ้งข่าวดี พิพิธภัณฑ์สหรัฐเตรียมส่งคืน 2 โบราณวัตถุอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 กลับไทย ‘พระศิวะสำริด-ประติมากรรมสตรี' ชี้ Golden Boy เป็นโบราณวัตถุชิ้นเยี่ยม-หายาก รมว.วธ.มอบกรมศิลป์ ประสานหน่วยงานสหรัฐขอคืนโบราณวัตถุเมืองโบราณศรีเทพต่อ
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร รายงานเรื่องนายแมกซ์ ฮอลเลน ผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน (The Metropolitan Museum of Art หรือ The MET) สหรัฐอเมริกา มอบหมายให้นายจอห์น กาย ภัณฑารักษ์แผนกเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้แทนเข้าพบอธิบดีกรมศิลปากร ส่งมอบหนังสือแจ้งขอส่งคืนโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการ ให้แก่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา
นายเสริมศักดิ์กล่าวอีกว่า การส่งคืนโบราณวัตถุในครั้งนี้ สืบเนื่องจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันตรวจสอบรายการโบราณวัตถุที่มีประวัติการได้มาเกี่ยวข้องกับนายดักลาส แลตช์ฟอร์ด นายหน้าค้าโบราณวัตถุ ผู้ซึ่งถูกสำนักงานอัยการเขตนิวยอร์กใต้แจ้งดำเนินคดีค้าโบราณวัตถุโดยผิดกฎหมายเมื่อปี 2562 พบว่า มีโบราณวัตถุประติมากรรมสำริดจากประเทศไทย คือประติมากรรมพระศิวะสำริด ที่รู้จักในชื่อ Golden Boy
"และยังพบโบราณวัตถุที่มีที่มาเกี่ยวพันกับนางดอรีส วีเนอร์ ซึ่งถูกสำนักงานอัยการเขตนิวยอร์กแจ้งดำเนินคดีค้าโบราณวัตถุโดยผิดกฎหมายเช่นกัน เมื่อปี 2564 เป็นโบราณวัตถุประติมากรรมสตรี จำนวน 1 รายการ คณะกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันจึงมีมติถอดโบราณวัตถุทั้ง 2 รายการ ออกจากบัญชีทะเบียนโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ และประสานแจ้งวัตถุประสงค์การส่งคืนแก่ไทยตามข้อตกลงกับสำนักงานอัยการเขตนิวยอร์กใต้ โดยจะประสานงาน และทำพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการ ผ่านทางสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครนิวยอร์กต่อไป" นายเสริมศักดิ์ กล่าว
นายเสริมศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับโบราณวัตถุที่จะได้รับกลับคืนครั้งนี้ ประกอบด้วย ประติมากรรมพระศิวะ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นรูปพระศิวะสวมเครื่องทรงแบบบุคคลชั้นสูง ถือเป็นโบราณวัตถุชิ้นเยี่ยม ซึ่งพบไม่มากนัก ประติมากรรมนี้สูงถึง 129 เซนติเมตร มีเทคนิคการสร้างแบบพิเศษ คือหล่อด้วยสำริดและกะไหล่ทอง ส่วนประติมากรรมสตรี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 เช่นกัน สูง 43 เซนติเมตร อยู่ในท่านั่งชันเข่า และยกมือไหว้เหนือศีรษะ แต่งกายแบบบุคคลชั้นสูง หล่อด้วยสำริดมีร่องรอยการประดับด้วยโลหะเงิน และทอง
"การส่งคืนโบราณวัตถุแก่ไทย หลังจากตรวจสอบพบว่ามีที่มาจากผู้ครอบครองเดิมที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย ว่าเป็นการแสดงถึงจริยธรรมของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน ที่ให้ความสำคัญกับการครอบครองโบราณวัตถุที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรมศิลปากร วธ.และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน ในการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการพิพิธภัณฑ์ ตลอดจนการจัดแสดงนิทรรศการโบราณวัตถุร่วมกันที่ผ่านมา ผมในนามของ วธ.ประเทศไทย ขอแสดงความชื่นชม และขอบคุณพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน ในการแจ้งส่งมอบโบราณวัตถุกลับคืนสู่ประเทศในครั้งนี้ และจะได้รายงานนายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบข่าวดีต่อไป" นายเสริมศักดิ์ กล่าว
นายเสริมศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศ ถือเป็นภารกิจที่สำคัญ ที่ได้มอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโบราณวัตถุจากเมืองโบราณศรีเทพ ที่อยู่ในขั้นตอนการประสานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Homeland Security Investigations (HSI) กรุงเทพฯ โดยจะดำเนินการตามช่องทางทางการทูตอย่างถูกต้อง และเป็นไปด้วยความร่วมมือด้วยมิตรภาพของสองประเทศ
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร รายงานเรื่องนายแมกซ์ ฮอลเลน ผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน (The Metropolitan Museum of Art หรือ The MET) สหรัฐอเมริกา มอบหมายให้นายจอห์น กาย ภัณฑารักษ์แผนกเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้แทนเข้าพบอธิบดีกรมศิลปากร ส่งมอบหนังสือแจ้งขอส่งคืนโบราณวัตถุ จำนวน 2 รายการ ให้แก่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา
นายเสริมศักดิ์กล่าวอีกว่า การส่งคืนโบราณวัตถุในครั้งนี้ สืบเนื่องจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันตรวจสอบรายการโบราณวัตถุที่มีประวัติการได้มาเกี่ยวข้องกับนายดักลาส แลตช์ฟอร์ด นายหน้าค้าโบราณวัตถุ ผู้ซึ่งถูกสำนักงานอัยการเขตนิวยอร์กใต้แจ้งดำเนินคดีค้าโบราณวัตถุโดยผิดกฎหมายเมื่อปี 2562 พบว่า มีโบราณวัตถุประติมากรรมสำริดจากประเทศไทย คือประติมากรรมพระศิวะสำริด ที่รู้จักในชื่อ Golden Boy
"และยังพบโบราณวัตถุที่มีที่มาเกี่ยวพันกับนางดอรีส วีเนอร์ ซึ่งถูกสำนักงานอัยการเขตนิวยอร์กแจ้งดำเนินคดีค้าโบราณวัตถุโดยผิดกฎหมายเช่นกัน เมื่อปี 2564 เป็นโบราณวัตถุประติมากรรมสตรี จำนวน 1 รายการ คณะกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทันจึงมีมติถอดโบราณวัตถุทั้ง 2 รายการ ออกจากบัญชีทะเบียนโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ และประสานแจ้งวัตถุประสงค์การส่งคืนแก่ไทยตามข้อตกลงกับสำนักงานอัยการเขตนิวยอร์กใต้ โดยจะประสานงาน และทำพิธีส่งมอบอย่างเป็นทางการ ผ่านทางสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครนิวยอร์กต่อไป" นายเสริมศักดิ์ กล่าว
นายเสริมศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับโบราณวัตถุที่จะได้รับกลับคืนครั้งนี้ ประกอบด้วย ประติมากรรมพระศิวะ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นรูปพระศิวะสวมเครื่องทรงแบบบุคคลชั้นสูง ถือเป็นโบราณวัตถุชิ้นเยี่ยม ซึ่งพบไม่มากนัก ประติมากรรมนี้สูงถึง 129 เซนติเมตร มีเทคนิคการสร้างแบบพิเศษ คือหล่อด้วยสำริดและกะไหล่ทอง ส่วนประติมากรรมสตรี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 เช่นกัน สูง 43 เซนติเมตร อยู่ในท่านั่งชันเข่า และยกมือไหว้เหนือศีรษะ แต่งกายแบบบุคคลชั้นสูง หล่อด้วยสำริดมีร่องรอยการประดับด้วยโลหะเงิน และทอง
"การส่งคืนโบราณวัตถุแก่ไทย หลังจากตรวจสอบพบว่ามีที่มาจากผู้ครอบครองเดิมที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย ว่าเป็นการแสดงถึงจริยธรรมของพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน ที่ให้ความสำคัญกับการครอบครองโบราณวัตถุที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประกอบกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรมศิลปากร วธ.และพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน ในการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการพิพิธภัณฑ์ ตลอดจนการจัดแสดงนิทรรศการโบราณวัตถุร่วมกันที่ผ่านมา ผมในนามของ วธ.ประเทศไทย ขอแสดงความชื่นชม และขอบคุณพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิทัน ในการแจ้งส่งมอบโบราณวัตถุกลับคืนสู่ประเทศในครั้งนี้ และจะได้รายงานนายกรัฐมนตรี เพื่อรับทราบข่าวดีต่อไป" นายเสริมศักดิ์ กล่าว
นายเสริมศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศ ถือเป็นภารกิจที่สำคัญ ที่ได้มอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโบราณวัตถุจากเมืองโบราณศรีเทพ ที่อยู่ในขั้นตอนการประสานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Homeland Security Investigations (HSI) กรุงเทพฯ โดยจะดำเนินการตามช่องทางทางการทูตอย่างถูกต้อง และเป็นไปด้วยความร่วมมือด้วยมิตรภาพของสองประเทศ