ทนายเดชา มองคดีนี้สมรักษ์รอดยาก สู้ลำบาก เพราะเหตุผลนี้?

ล่าสุด ทีมข่าวสำนักข่าววันนิวส์ สอบถามทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ถึงทางรอดในคดีนี้ว่า การจะรอดคดี หรือหลุดคดีที่เกี่ยวข้องกับเด็กนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลทั้งสิ้น แต่ในข้อกฎหมายมีทางสู้อยู่ โดยสิ่งสำคัญที่สุด คือต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นในทางกฎหมายให้ได้ว่า "เราขาดเจตนาสำคัญ หรือสำคัญผิดหรือขาดองค์ประกอบภายใน" นั่นหมายความว่า "ตัวเองต้องไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นเยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี" เพราะประเด็นสำคัญ อยู่ที่ "เรื่องอายุ" ถ้าเกิดว่าพิสูจน์ได้ แล้วศาลท่านเชื่อได้ว่าเด็กอายุไม่เกิน 18 ปีจริง ก็มีโอกาสที่จะยกฟ้องได้ ที่ผ่านมาก็มีหลายคดี แต่จากข้อมูลเท่าที่ไปอ่านคำพิพากษาในคดีลักษณะนี้ "ต้องเป็นกรณีที่เด็กไม่ได้บอกอายุตั้งแต่แรกถึงจะรอด"

เมื่อถามว่าภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดจุดต่างๆ พบลักษณะเหมือนทั้งสองฝ่ายจูงมือกันออกมาจากสถานบันเทิง และพากันไปโรงแรมนั้น จะทำให้โทษน้อยลงหรือไม่ ทนายเดชา ระบุว่า จะเต็มใจหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากประเด็นสำคัญอยู่ที่เรื่องของอายุเด็กที่ไม่เกิน 18 ปี ถือว่าผิดแล้ว โดนแน่ๆ ในข้อหาเบื้องต้น คือ พรากผู้เยาว์ โดยตนได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าความจริงแล้ว เด็กต้องการจะกลับไปโรงแรมของตัวเอง แต่ นายสมรักษ์ กลับพาไปโรงแรมอีกที่หนึ่ง

โดยทนายเดชา ฝากบอกด้วยว่า "นายสมรักษ์ ยังไม่หมดหนทางสู้ แต่ยอมรับว่า ข้อกล่าวหารุนแรง และหลักฐานแน่น หากตัวเองเป็นทนายของ นายสมรักษ์ จะแนะนำว่า ให้ยอมรับสารภาพ เพราะจะมาปฏิเสธในวันนี้ สิ่งที่เคยพูดไว้มันขัดแย้งกันเอง หลักฐานมัดตัวเองทั้งหมด ยิ่งจะทำให้เหนื่อย และยิ่งสู้ ยิ่งติดคุกยาว แต่หากยอมรับสารภาพ ศาลท่านก็รอการลงโทษ แล้วก็เยียวยา-ชดใช้ให้ผู้เสียหายตามขั้นตอน ถือเป็นบทเรียนชีวิต และเป็นทางที่ปลอดภัยที่สุด ไม่เอาชีวิตไปอยู่ในเส้นด้าย" .