แฉปมดับ “หมอมีน” ตร.ยันไม่คุ้นเส้นทาง เก๋งลงเนินชนดะ 3 คัน


แฉปมดับ “หมอมีน” ตร.ยันไม่คุ้นเส้นทาง เก๋งลงเนินชนดะ 3 คัน


     รอง ผอ.รพ.พหลพลพยุหเสนาออกโรงแจงปม อุบัติเหตุสลดคร่าชีวิต "หมอมีน"แพทย์หญิงอินเทิร์นที่ขับรถเก๋งเสียหลักข้ามเลนชนประสานงากับรถกระบะจนเสียชีวิต ยันเข้าเวรปกติ 3-4 เวรทุกๆ 4 วัน มีเวรฉุกเฉินสัปดาห์ละ 1 วัน หลังออกเวรขับรถไปหาเพื่อนต่างโรงพยาบาลจนเกิดเหตุสลด ย้ำโรงพยาบาลจัดเวลาให้พักผ่อนเพียงพอ พ่อสุดเศร้าที่ต้องสูญเสียลูกสาวคนเดียวแต่เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ตำรวจชี้อุบัติเหตุเกิดจากความประมาทเนื่องจากไม่ชินเส้นทาง รถวิ่งเร็วลงเนินเขาเป็นทางโค้งจนเสียหลักข้ามเลนชนสยอง ทางหลวงเร่งติดตั้งป้ายบอกทางพร้อมไฟกะพริบเตือนจุดเกิดเหตุเส้นทางมรณะที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

จากอุบัติเหตุสลดคร่าชีวิต พญ.ญาณิศา หรือหมอมีน สืบเชียง อายุ 24 ปี แพทย์อินเทิร์นหรือแพทย์จบใหม่ที่เพิ่งเริ่มงานวันที่ 1 มิ.ย. ในตำแหน่งแพทย์เพิ่มพูนทักษะ รพ.พหลพลพยุหเสนา อ.เมืองกาญจนบุรี ขับรถเก๋งข้ามเลนพุ่งชนประสานงากับรถกระบะ บนถนนสายบ้านหนองผักแว่น-บ้านสมเด็จเจริญ หมู่ 1 ต.สมเด็จเจริญ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 มิ.ย. ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะไปเสียชีวิตที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. หลังเกิดเหตุบุคลากรทางการแพทย์ออกมาแสดงความอาลัย พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าหมอมีนเป็นแพทย์จบใหม่ต้องเข้าเวรควบกะหลายชั่วโมงติดต่อกันจนร่างกายอ่อนเพลีย อาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. นพ.รักษ์พงษ์ เวียงเจริญ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.พหลพลพยุหเสนา เผยว่า ได้รับมอบหมายจาก ผอ.รพ.ให้ข้อมูลเบื้องต้น 2 กรณี กรณีแรกคือการทำงานของแพทย์จบใหม่ รพ.พหลฯคือโรงพยาบาลจังหวัด เป็นสถานที่ที่แพทย์จบใหม่จะมาฝึกทักษะ ตามศักยภาพของโรงพยาบาลรับได้ 30 คน แต่ปีนี้ได้รับจัดสรรจากกระทรวง 14 คน ทางโรงพยาบาลได้จ้างแพทย์เพิ่มเป็นแพทย์ที่จบจากมหาวิทยาลัยเอกชนอีก 7 คน รวมเป็น 21 คน เป็นแนวทางที่โรงพยาบาลปรับตัวเพื่อจะให้แพทย์ไม่ทำงานหนักเกินไป สำหรับหมอมีนอยู่แผนกศัลยกรรม มีแพทย์ที่ฝึกทักษะอยู่ด้วยกัน 4 คน อยู่ประมาณ 3-4 เวร ทุกๆ 4 วัน และมีเวรฉุกเฉินประมาณ 3-4 เวรต่อเดือน ตกประมาณสัปดาห์ละ 1 วัน ประเด็นเรื่องเวรอาจจะต้องอยู่เพื่อเป็นการเรียนรู้การทำงานในโรงพยาบาลระดับนี้ แต่ก็ทำงานร่วมกับแพทย์สตาฟฟ์และแพทย์ประจำบ้าน การทำงานทั่วไปที่โรงพยาบาลจะปรับตัวเพื่อให้แพทย์ทำงานได้เหมาะสมที่สุด

นพ.รักษ์พงษ์กล่าวต่อไปว่า อีกกรณีเรื่องของอุบัติเหตุ หมอมีนอยู่เวรในคืนวันที่ 21 มิ.ย. เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าในคืนนั้นมีผู้ป่วยรับใหม่เพียง 3 คน และวันรุ่งขึ้น 22 มิ.ย. มาทำงานที่วอร์ดอุบัติเหตุ มีคนไข้ประมาณ 15 คน ทำงานอยู่กับสตาฟฟ์และแพทย์ประจำบ้านที่มาคอยดูคนไข้และเซตผ่าตัดอะไรต่างๆ หลังเลิกงานวันนั้นก็ไปประสบอุบัติเหตุ เป็นภารกิจส่วนตัว เข้าใจว่าไปพบเพื่อนร่วมงานอีกโรงพยาบาลหนึ่งในต่างอำเภอ เหตุเกิดประมาณช่วงเย็นๆ มีการช่วยเหลือเบื้องต้นที่โรงพยาบาลนั้นและต้องแวะรักษาเพิ่มเติมให้เลือดที่โรงพยาบาลระหว่างทาง ก่อนจะมาถึงโรงพยาบาลพหลฯประมาณ 3 ทุ่ม เข้าผ่าตัดประมาณ 4 ทุ่ม ได้รับบาดเจ็บหลายอวัยวะ ทีมแพทย์ช่วยกันดูแลอย่างสุดความสามารถจนสุดท้ายแล้วหมอมีนก็เสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นเวลาประมาณเที่ยง ทางโรงพยาบาลขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง หลังจากนี้จะทบทวนงานทั้งหมดเพื่อนำไปปรับปรุงดูแลแพทย์ที่อยู่ในความดูแลทุกคน

"เรื่องการพักผ่อนต่างๆไม่ว่าจะเป็นห้องพักในโรงพยาบาลและเวลาพักผ่อนของแพทย์เป็นสิ่งที่โรงพยาบาลจัดไว้แล้ว และเรื่องภารกิจส่วนตัวต่างๆ เช่น การจะต้องขับรถไปไหนคงเป็นอิสระของแพทย์แต่ละท่าน ที่โรงพยาบาลทำได้คือให้คำแนะนำว่าไม่ควรขับรถเดินทางไกลคนเดียว ถือเป็นความสูญเสียระดับชาติเพราะคุณหมอเพิ่งจบมาหลังจากเรียน 6 ปี เป็นแพทย์ในโครงการหนึ่งแพทย์หนึ่งอำเภอ เป็นคนเมืองกาญจน์แท้ๆตั้งใจกลับมาทำงานในพื้นที่ มาทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็อาจไม่ชำนาญเส้นทาง เป็นความสูญเสียที่ไม่น่าเกิดขึ้น ทุกคนเสียใจมาก หมอมีนได้รับสิทธิ์ข้าราชการทุกอย่างและทางโรงพยาบาลรับเป็นเจ้าภาพงานศพให้ตลอด" นพ.รักษ์พงษ์กล่าวในตอนท้าย

ที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) อ.เมืองกาญจนบุรี สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ พญ.ญาณิศา หรือหมอมีน สืบเชียง บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นายนิธาน สืบเชียง อายุ 51 ปี พ่อหมอมีน เผยว่า ทราบเรื่องจากเพื่อนของลูกที่ส่งไลน์มาบอกว่าลูกสาวประสบอุบัติเหตุ ยอมรับว่าเสียใจมาก มีลูกสาวคนเดียว ที่ผ่านมาไม่เคยทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน มีความฝันว่าอยากเป็นหมอที่ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น วันเกิดเหตุลูกส่งไลน์มาถามถึงพื้นที่ตั้งของโรงพยาบาลชุมชนที่ลูกจะไปประจำ ไม่ทราบว่าจะขับรถไปดูพื้นที่เองเพราะปกติจะให้พ่อขับรถให้ หลังจากลงเวร 4 โมงเย็นก็เดินทางไปเองโดยไม่ได้บอกให้ทางบ้านรู้ เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุและคณะแพทย์ระดมความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแล้ว อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้บริหารเข้ามาดูว่าไม่ควรให้แพทย์รับเวรเกินกว่าร่างกายจะทำได้ สำหรับศพหมอมีนจะมีพิธีสวดพระอภิธรรมถึงวันที่ 28 มิ.ย. และพิธีฌาปนกิจในวันที่ 29 มิ.ย.นี้

แฉปมดับ “หมอมีน” ตร.ยันไม่คุ้นเส้นทาง เก๋งลงเนินชนดะ 3 คัน

ด้าน พ.ต.อ.สรวิชญ์ บัวกลิ่น ผกก.สภ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยรายละเอียดของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. ร.ต.อ.โสภณ กลั่นผลหรั่ง รอง สว. (สอบสวน) รายงานอุบัติเหตุบนถนนสายบ้านหนองผักแว่น-บ้านสมเด็จเจริญ หมู่ 1 ต.สมเด็จเจริญ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี ผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ญาณิศา สืบเชียง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 789/13 หมู่ 2 ต.ท่าม่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ขับรถเก๋งฮอนด้าบริโอ สีขาว ทะเบียน กต 353 กาญจนบุรี มุ่งหน้าไปบ้านสมเด็จเจริญ เพื่อไปหาเพื่อนที่เป็นแพทย์ รพ.สถานพระบารมี ต.สมเด็จเจริญ อ.หนองปรือ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางลงจากเนินเขา รถเสียหลักข้ามเลนไปชนกับรถกระบะ ทะเบียน ผค 944 สุพรรณบุรี มี น.ส.รัชนีพร คำปาน เป็นผู้ขับขี่ที่วิ่งสวนทางมา มีรถกระบะ ทะเบียน ผข 7347 สุพรรณบุรี มีนายภาคภูมิ ธารีไทย เป็นผู้ขับขี่ที่ขับตามหลังมาชนท้าย และเฉี่ยวชนรถ จยย.ทะเบียน 1กค 9834 กาญจนบุรี มีนายพีระวัฒน์ รุจอสิทธิยานนท์ เป็นผู้ขับขี่ที่อยู่ในช่องทางเดินรถด้านซ้ายได้รับความเสียหายอีกคัน

แฉปมดับ “หมอมีน” ตร.ยันไม่คุ้นเส้นทาง เก๋งลงเนินชนดะ 3 คัน

หลังเกิดเหตุ น.ส.ญาณิศา หรือหมอมีน น.ส.รัชนีพร และนายพีระวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.สถานพระบารมี ต่อมาวันที่ 23 มิ.ย. น.ส.ญาณิศาได้เสียชีวิตที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา ส่วน น.ส.รัชนีพร และนายพีระวัฒน์ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของ น.ส.ญาณิศา เนื่องจากไม่ชินเส้นทาง ประกอบกับเป็นทางลงเนินเขา เมื่อรถวิ่งขึ้นด้วยความเร็วแล้วลงเนินเขาเป็นทางโค้งเล็กน้อยทำให้รถเสียการทรงตัวและล้ำเข้าไปในช่องทางเดินรถทางขวาจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทางคดีพนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนรายละเอียดต่อไป

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายวรรณเฉลิม จันทร์เมือง หัวหน้าหมวดทางหลวงบ่อพลอย ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจ สภ.หนองปรือ เพื่อตรวจสอบในจุดที่เกิดอุบัติเหตุ เพื่อหาแนวทางการปรับปรุงติดป้ายบอกเส้นทางให้มากกว่าเดิม และจะจัดหางบประมาณติดตั้งไฟกะพริบเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบ เนื่องจากถนนเส้นนี้มีจุดท่องเที่ยวสำคัญๆกว่า 10 แห่ง ประชาชนในพื้นที่จะรู้เส้นทางดี แต่คนนอกพื้นที่อาจจะไม่ชำนาญเส้นทางทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ จุดดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุมาหลายครั้งแล้วมีทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต ล่าสุดต้องเสียบุคลากรทางการแพทย์ ฝากแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วย และจะเร่งนำป้ายเตือนมาติดตั้งเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนต่อไป


เครดิตแหล่งข้อมูล : thairath.co.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์