ทลายแก๊ง มาเรีย คิม เจ้าแม่ยาลดน้ำหนัก อึ้งคลินิกดัง ร่วมจัดส่งยา
จับกุมเครือข่ายลักลอบจำหน่ายยาลดน้ำหนักผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทข้ามชาติ ซึ่งขยายผลมาจากกรณีมาเลเซียและองค์การตำรวจสากล โดยจับกุม Kussainova สัญชาติคาซัคสถาน มีชื่อในวงการขายยาลดน้ำหนักว่า "มาเรีย คิม" ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. 2564 มีการจัดส่งยาลดน้ำหนักจากไทยผ่าน 3 เว็บไซต์ และมีการจับกุมยาชุดลดน้ำหนักในจีน ซึ่งมีลักษณะตรงกับยาลดน้ำหนักสูตรที่จำหน่ายโดยเครือข่ายของ "มาเรีย คิม"
เมื่อสืบสวนขยายผลจนทราบถึงเครือข่ายจึงขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 4 ราย ได้แก่ 1.Ms.GAUKHAR สัญชาติคาซัคสถาน 2.Mr.Anthony สัญชาติฟิลิปปินส์ 3.น.ส.วรัญญา สัญชาติไทย และ 4.น.ส.พรเพ็ญ สัญชาติไทย
"รวมตรวจค้น 6 จุด ตรวจยึดยาที่มีส่วนผสมวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 ไซบูทรามีนกว่า 2,000 เม็ด, ยาไม่มีทะเบียนต้องสงสัยผสมวัตถุออกฤทธิ์ 104,000 เม็ด, ยามีทะเบียน 149,000 เม็ด, ยาชุดลดน้ำหนักพร้อมส่งให้กับลูกค้า 26 ชุด 5,400 เม็ด, แคปซูลเปล่าคละสี 90,500 แคปซูล, กล่องพัสดุและซองยา 10,000 ชิ้น วัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาลดน้ำหนัก พยานหลักฐานอื่น รวม 272 รายการ มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท"
นพ.ไพศาล กล่าวอีกว่า ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดย Mr.SHABIR และ Mr.Anthony รับว่า มาเรีย คิม เป็นผู้สั่งการ ให้บรรจุยาและส่งให้ลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ รับค่าจ้างเดือนละ 20,000-25,000 บาท ส่วน น.ส.วรัญญา และ น.ส.พรเพ็ญ รับว่า มาเรีย คิม ได้สั่งซื้อยาลดน้ำหนักและผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆ จากตน เมื่อได้รับออเดอร์ก็จะไปจัดหายาตามแหล่งขายต่างๆ และจัดส่งให้กับ Mr. SHABIR และ Mr.Anthony ผลตอบแทนที่ได้คือการบวกกำไรจากยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง
ทั้งนี้ ในการตรวจค้นห้องพัก Mr.SHABIR พบพยานหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงินของสถานพยาบาลยันฮีคลินิกเวชกรรมจำนวนมาก จึงสืบสวนขยายผลถึงแหล่งที่มาของยาลดน้ำหนัก พบว่า มาเรีย คิม ได้ว่าจ้างให้เอเยนต์ชาวไทยเปิด OPD กับทางสถานพยาบาลเพื่อให้ได้เลขประจำตัวผู้ป่วย (เลข HN) จากนั้นจะให้ Mr.SHABIR โทรสั่งซื้อยาลดน้ำหนักจากสถานพยาบาล โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของ รพ.นำยามาให้ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด Ms.GAUKHAR ไม่ได้พบแพทย์เพื่อตรวจรักษาแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบรายชื่อแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาแผนปัจจุบันให้แก่กลุ่มผู้ต้องหา พบว่าแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาเป็นแพทย์แผนจีน ซึ่งตามกฎหมายไม่สามารถจ่ายยาแผนปัจจุบันให้แก่ผู้ป่วยได้ จึงได้ตรวจยึดยาไม่มีทะเบียน และพยานหลักฐานอื่น รวม 15 รายการ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยา ฐานร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยพนักงานสอบสวนจะได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ได้แก่ ผู้ดำเนินกิจการสถานพยาบาลของยันฮีคลินิกเวชกรรม และแพทย์แผนจีนที่สั่งจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยต่อไป