อึ้งเเตกทั้งโซเชียล! สนธิญา’ ร้อง กกต. สอบปม ‘อุ๊งอิ๊ง’ เยี่ยมพ่อ-อาที่สิงคโปร์
นายสนธิญา สวัสดี กล่าวว่า มาร้องเรียนกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) วันนี้มี 2 ประเด็นหลัก ประเด็นที่ 1 กรณีนายปิยะบุตร แสงกนกกุล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นให้พรรคก้าวไกลต้องยึดมั่นในตำแหน่งประธาน สภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นของพรรคก้าวไกล ซึ่งประเด็นประธานสภาผู้แทนราษฎรจะอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่งนั้น เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่จะเลือกกันเอง ประธานสภาฯ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 หมายถึงประธานรัฐสภาด้วย หมายความว่า ประธานสภาฯ เป็นประธานวุฒิสภาด้วย มีหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของประธานวุฒิสภา ซึ่งเหลืออายุอยู่ประมาณปีกว่า
"ดังนั้น พฤติกรรมของนายปิยบุตร ซึ่งเป็นผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตั้งแต่การเป็นผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา รวมถึงการโพสต์ข้อความในลักษณะชี้นำ ทำให้เห็นโดยอนุมานว่าพรรคก้าวไกลโดยที่ผู้บริหารหรือใครก็ตามไม่ได้ออกมาปฏิเสธ อีกทั้งยังพูดไปในทิศทางเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่อนุมานได้ว่า เข้าข่ายพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 มาตรา 29 และไปสู่การถูกยุบพรรคได้ตามมาตรา 92 (3) จึงขอให้กกต.วินิจฉัย และตีความการกระทำของนายปิยบุตรเพื่อเป็นการชี้นำ ครอบงำพรรคก้าวไกลหรือไม่อย่างไร ส่วนพิจารณาแล้วจะส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ สุดแล้วแต่กกต.จะพิจารณา" นายสนธิญา กล่าว
นายสนธิญา กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 คือกรณีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทยเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตรและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประเทศสิงคโปร์ ตนมองว่าการไปเยี่ยมบิดาหรือผู้มีพระคุณนั้นสามารถทำได้ แต่ขณะนี้ น.ส.แพทองธารได้รับการแต่งตั้งจากพรรคเพื่อไทยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น พฤติกรรมของว่าที่นายกฯ อยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เรื่องของผลประโยชน์หรือความทับซ้อนอะไรก็ตาม และตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 45 ผูกพันไปถึงมาตรา 92 (3 ) จึงขอให้กกต.พิจารณาว่าพฤติกรรมดังกล่าวของน.ส.แพทองธารขัดต่อกฎหมายนี้หรือไม่ เมื่อวินิจฉัยแล้วอาจจะส่งคำร้องของตนเข้าไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อโปรดพิจารณาวินิจฉัย เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติของว่าที่แคนดิเดตนายกฯ หรือว่าที่นายกฯ ต่อไปในอนาคตด้วย
"ผมยังมั่นใจว่าพรรคก้าวไกล โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่สามารถทะลุผ่านเข้าไปสู่กระบวนการโหวตเป็นนายกฯ ได้ แล้วแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย คนที่ 1 ก็คือน.ส.แพทองธาร ซึ่งมีหลายคนที่ออกมาวิเคราะห์กรณีน.ส.แพทองธาร เดินทางไปเยี่ยมพ่อ ในช่วงเวลาสถานการณ์อย่างนี้ ซึ่งโดยจริยธรรม คุณธรรมและมารยาทหรือกฎหมาย ไม่น่ากระทำการโดยเปิดเผย ซึ่งการไปเยี่ยมพ่อหรือผู้มีพระคุณนั้นไม่มีปัญหา แต่การไปเยี่ยมในช่วงมีตำแหน่ง หรือเป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้น อธิบายไม่ได้ในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ที่ถูกศาลไทยพิจารณาให้จำคุกไปแล้ว ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล จึงเป็นที่มาของการมาเพื่อร้องกกต.โปรดพิจารณาวินิจฉัยการกระทำของน.ส.แพทองธาร" นายสนธิญา กล่าว
เมื่อถามถึงการถือหุ้นสื่อของนายพิธา นายสนธิญา กล่าว รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนว่าต้องถือจำนวนเท่าใด แต่เขียนเพียงว่าผู้ลงสมัครส.ส.ห้ามมีหุ้น จึงน่าเป็นห่วง และนายพิธาเพิ่งแจ้งต่อป.ป.ช. จึงอยากวิงวอนนายพิธาและพรรคก้าวไกล เพราะตั้งแต่ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาด้วยเสียงข้างมาก ตลาดหุ้นไทยตก ผู้ถือหุ้นจากต่างประเทศถอนหุ้นออกไปเกือบแสนล้านบาท ด้วยความไม่ชัดจน
"ผมเป็นกำลังใจให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล แต่หลายเรื่องควรคลี่คลายให้ชัดเจน ก่อนที่นายพิธาจะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากได้รับการโหวตเป็นนายกฯ แล้วศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย พร้อมสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จะไม่เป็นผลดีต่อพรรคก้าวไกล และประเทศ จึงต้องการให้ดำเนินการเรื่องนี้ให้จบเสียก่อน" นายสนธิญา กล่าว