พริตตี้สาวโร่ขอโทษตำรวจ หลังโพสต์เป่าเมาไม่ถูกจับ ที่แท้...
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ พริตตี้สาวโร่ขอโทษตำรวจ หลังโพสต์เป่าเมาไม่ถูกจับ ที่แท้...
บชน.แถลง เปิดวงจรปิด พริตตี้สาวขับรถเข้าด่าน ไม่ได้เป่าวัดแอลดอฮอล์ แค่คัดกรองเบื้องต้นไม่ถึง 5 วินาที พริตตี้โพสต์ ‘เป่าปรอทแตก' หิ้วกระเช้าเข้าขอโทษ รับเข้าใจผิด ตร.ยื่นไฟฉายส่อง คิดว่าเครื่องวัดเลยเป่าไปเต็มแรง ส่วนที่โพสต์แค่อยากอ้อนแฟนคลับ ตร.ชี้เข้าข่ายความผิด พรบ.คอมพ์ฯ แต่ให้อภัย
วันที่ 16 เมษายน 66 พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวกรณีที่ก่อนหน้านี้ พริตตี้สาวรายหนึ่งโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กใจความว่า "ขอบคุณพี่ตำรวจที่ตั้งด่านแล้วไม่จับ เมาเป่าจนปรอทแตกแต่พี่ปล่อยผ่าน" โดยหลังข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจว่า มีการปล่อยปละละเลยหรือไม่
ก่อนการแถลงข่าว พริตตี้สาวคนดังกล่าว ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ที่กองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อให้ปากคำถึงกรณีที่เกิดขึ้น และยังได้นำกระเช้ามามอบให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการ ‘ขอโทษ' ด้วย
จากนั้น พลตำรวจตรีจิรสันต์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ จึงได้มีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในจุดตั้งด่านตรวจ แล้วติดตามผู้โพสต์มาชี้แจงข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่าง
โดยปกติแล้ว การตรวจวัดแอลกอฮอล์จะมีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก คือ การคัดกรองโดยตำรวจส่วนหน้าที่ถนน จะทำการคัดกรองเบื้องต้น ด้วยการสังเกตจากกลิ่น อาการ กิริยา ท่าทางต่างๆ ของผู้ขับขี่ หากคาดว่ามีแอลกอฮอล์ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 คือการตรวจวัดด้วยเครื่องทดสอบเบื้องต้น คือเป่าแล้วถ้ามีแอลกอฮอล์ เซนเซอร์จะขึ้น ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 คือการตรวจด้วยเครื่องตรวจวัดยืนยันผล
สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 13 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 01.45 น. ผู้โพสต์ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีขาว เข้ามาที่ด่านตรวจของกองบังคับการตำรวจจราจร บริเวณหน้าร้านบ้านกรองน้ำ ถนนรามอินทราขาเข้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้โพสต์อยู่ในขั้นตอนของการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น เมื่อตำรวจเห็นว่าไม่น่ามีพฤติกรรมเมาสุรา จึงไม่ได้ให้ตรวจวัดในขั้นตอนที่ 2 และ 3 โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า รถของผู้โพสต์ได้ขับเข้ามาที่ด่าน และตำรวจมีการเรียกให้หยุดตรวจคัดกรองเบื้องต้น โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ประมาณ 5 วินาทีเท่านั้น เมื่อไม่พบพฤติกรรมน่าสงสัยว่ามึนเมา จึงปล่อยรถออกจากด่านตรวจไป ไม่ได้มีการให้เป่า
ด้านผู้โพสต์ข้อความ คือ นางสาวเพชรพลอย อายุ 27 ปี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนมาโพสต์ข้อความดังกล่าว เนื่องจากทุกครั้งที่ไปทำงาน ตนจะมาโพสต์ขอบคุณทุกคนอยู่แล้ว ทั้งร้านที่ไปทำงาน ดีเจ คนหางาน วันเกิดเหตุ ก็เลยขอบคุณตำรวจด้วย ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
วันที่ 16 เมษายน 66 พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวกรณีที่ก่อนหน้านี้ พริตตี้สาวรายหนึ่งโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กใจความว่า "ขอบคุณพี่ตำรวจที่ตั้งด่านแล้วไม่จับ เมาเป่าจนปรอทแตกแต่พี่ปล่อยผ่าน" โดยหลังข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง ก็ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจว่า มีการปล่อยปละละเลยหรือไม่
ก่อนการแถลงข่าว พริตตี้สาวคนดังกล่าว ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ที่กองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อให้ปากคำถึงกรณีที่เกิดขึ้น และยังได้นำกระเช้ามามอบให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการ ‘ขอโทษ' ด้วย
จากนั้น พลตำรวจตรีจิรสันต์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ จึงได้มีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในจุดตั้งด่านตรวจ แล้วติดตามผู้โพสต์มาชี้แจงข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่าง
โดยปกติแล้ว การตรวจวัดแอลกอฮอล์จะมีทั้งหมด 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก คือ การคัดกรองโดยตำรวจส่วนหน้าที่ถนน จะทำการคัดกรองเบื้องต้น ด้วยการสังเกตจากกลิ่น อาการ กิริยา ท่าทางต่างๆ ของผู้ขับขี่ หากคาดว่ามีแอลกอฮอล์ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 คือการตรวจวัดด้วยเครื่องทดสอบเบื้องต้น คือเป่าแล้วถ้ามีแอลกอฮอล์ เซนเซอร์จะขึ้น ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 คือการตรวจด้วยเครื่องตรวจวัดยืนยันผล
สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 13 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 01.45 น. ผู้โพสต์ได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีขาว เข้ามาที่ด่านตรวจของกองบังคับการตำรวจจราจร บริเวณหน้าร้านบ้านกรองน้ำ ถนนรามอินทราขาเข้า ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้โพสต์อยู่ในขั้นตอนของการตรวจคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น เมื่อตำรวจเห็นว่าไม่น่ามีพฤติกรรมเมาสุรา จึงไม่ได้ให้ตรวจวัดในขั้นตอนที่ 2 และ 3 โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า รถของผู้โพสต์ได้ขับเข้ามาที่ด่าน และตำรวจมีการเรียกให้หยุดตรวจคัดกรองเบื้องต้น โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ประมาณ 5 วินาทีเท่านั้น เมื่อไม่พบพฤติกรรมน่าสงสัยว่ามึนเมา จึงปล่อยรถออกจากด่านตรวจไป ไม่ได้มีการให้เป่า
ด้านผู้โพสต์ข้อความ คือ นางสาวเพชรพลอย อายุ 27 ปี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนมาโพสต์ข้อความดังกล่าว เนื่องจากทุกครั้งที่ไปทำงาน ตนจะมาโพสต์ขอบคุณทุกคนอยู่แล้ว ทั้งร้านที่ไปทำงาน ดีเจ คนหางาน วันเกิดเหตุ ก็เลยขอบคุณตำรวจด้วย ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
เธอยืนยันว่า วันเกิดเหตุ ตนไม่ได้เมา ยอมรับว่ามีดื่มบ้าง แต่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพอขับรถเข้ามาที่ด่าน เมื่อชะลอรถแล้วเปิดกระจกลง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกว่า ‘ขออนุญาตครับ' พร้อมกับส่องไฟฉายเข้ามา ตอนนั้นตนไม่ทันได้สังเกต ประกอบกับแสงจากไฟฉายส่องเข้ามาแยงตา ก็เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยื่นเครื่องตรวจวัดมาให้เป่า ซึ่งจริงๆ เป็นแค่ไฟฉาย ตนก็เลยเป่าไปเต็มแรง แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดว่า ‘ขอบคุณครับ' ตนก็เลยขอบคุณแล้วขับรถออกมา
ส่วนที่ตนโพสต์ว่าเมา ทั้งที่ยืนยันได้ว่าไม่ได้เมานั้น เป็นเพราะตนแค่อยากโพสต์ให้แฟนคลับเป็นห่วง ให้มาดูแล อยากให้แฟนคลับเห็นใจเท่านั้น ซึ่งไม่ทันได้คิดว่าจะมีผลกระทบตามมา
ทั้งนี้ ตนต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอโทษสังคมด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับผิดที่โพสต์ข้อความไปทำให้คนเข้าใจผิด หลังจากนี้ ตนก็จะต้องระวังการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ต้องคำนึงถึงคนที่จะมาเห็นโพสต์ ไม่ใช่คิดแค่ว่า ฉันอยากจะโพสต์แบบนี้ก็โพสต์เลย
ขณะที่ สิบตำรวจเอกชนินท์ เพิ่มสุข ผู้บังคับหมู่งานตรวจพิสูจน์ผู้ขับขี่ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ซึ่งเป็นผู้ที่ตรวจคัดกรองผู้โพสต์ในวันเกิดเหตุ บอกว่า ตนจำผู้โพสต์ไม่ได้ เพราะในช่วงที่เกิดเหตุ มีปริมาณรถเข้ามาที่ด่านจำนวนมาก แต่ยืนยันว่าปกติแล้วในการตรวจคัดกรองเบื้องต้น ถ้าเปิดกระจกมา ส่วนมากก็จะดูว่ามีกลิ่นแอลกอฮอล์หรือไม่ หน้าแดงหรือไม่ กิริยาอาการ รวมถึงเสื้อผ้าการแต่งกาย ถ้าเข้าข่ายจึงจะให้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ "แต่ก็มีบางครั้งที่เพียงแค่ส่องไฟฉายเข้าไปแล้วผู้ขับขี่ก็เข้าใจผิด เป่าลมออกมาจริงๆ"
พลตำรวจตรีจิรสันต์ กล่าวเพิ่มเติมถึงการดำเนินการหลังจากนี้ว่า การกระทำของผู้โพสต์นั้น เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่เป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ ซึ่งในวันนี้ได้เรียกผู้โพสต์มาสอบปากคำให้ข้อเท็จจริง ผู้โพสต์ก็ได้มาขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าจะทำให้เกิดความเสียหาย โดยในการดำเนินคดี ผู้เสียหาย จะต้องเป็น กองบังคับการจำรวจจราจร ซึ่งได้สอบถามแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจให้อภัย ไม่ติดใจดำเนินคดี แต่ก็ขอเน้นย้ำ ให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น และขอยืนยันว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ทำโดยความเสมอภาคอย่างแน่นอน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!