พ่อน้องทีนกะเพราอ้วนตรึ้ม ยันไม่ได้ทิ้งลูก หวังได้มาเกิดเป็นพ่อลูกกันอีก

พ่อของ น้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม ยันไม่ได้ทิ้ง แค่ไม่อยากให้มาลำบากด้วยกัน ย้ำรักมาก รู้ข่าวถึงกับใจหาย หวังได้มาเกิดเป็นพ่อลูกกันอีก

วันที่ 17 ก.พ.2566 นายไชยนันต์ ศุภผลศิริ อายุ 42 ปี พ่อของนายสดายุ ศุภผลศิริ หรือน้องทีน กะเพราอ้วนตรึ้ม ซึ่งเสียชีวิตเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ตนไม่เคยทิ้งลูก เมื่อเห็นว่าเขามีอาชีพแล้ว ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง หรือแสดงตัว กลัวจะดูไม่ดี เพราะลูกจะได้เดินด้วยตัวเองในสิ่งที่รัก

ย้อนกลับไปสมัยก่อน มีปัจจัยหลายอย่าง ทำให้ต้องแยกทางกัน ที่ผ่านมาก็ติดต่อหาลูกบ้าง แต่ที่หายไปเพราะตนเดินทางไปทำงานหลายที่ เลยทำให้ติดต่อหากันยาก ส่วนใหญ่รู้ข่าวจากในโซเชียลก็ไม่คิดว่าลูกจะลำบากขนาดนี้

เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนมาหาลูกแต่ไม่เจอ มารู้อีกทีลูกก็เข้าโรงพยาบาลแล้ว ได้คุยกันตลอด ผ่านทางไลน์ ตอนแรกอาการดีขึ้น แต่อยู่ๆอาการทรุดและเสียชีวิต พอรู้ข่าวใจหายมาก ตนมาหาลูกไม่ทัน

น้องเป็นคนกตัญญูกับย่า ดูแลทำทุกอย่างแทนตนได้ ภูมิใจที่ลูกเก่งมาก ทำอะไรด้วยตัวเอง ยืนยันว่า ไม่ได้ทิ้งลูก แต่ในวันที่แยกออกมาไม่อยากให้ลูกมาลำบากด้วย เพราะอยู่กับย่าสบายกว่า ตนรักลูกมาก อยากให้เกิดเป็นลูกอีก

พ่อน้องทีนกะเพราอ้วนตรึ้ม ยันไม่ได้ทิ้งลูก หวังได้มาเกิดเป็นพ่อลูกกันอีก

ด้าน ยายแจ๋ว อายุ 63 ปี ยายของน้องทีน เปิดเผยว่า เมื่อคืนนี้หลานมาบอกว่าน้องทีนเสียชีวิตแล้ว ที่ผ่านมาตอนที่หลานป่วยเข้าโรงพยาบาลคิดว่าอาการคงจะดีขึ้นแล้วเลยไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะต้องทำงานและดูแลคนพิการติดเตียงที่บ้าน ไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกัน ต่างคนต่างทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง

ยายแจ๋วเล่าว่า ตั้งแต่น้องทีนเกิดมา พ่อแม่ยังอยู่ด้วยกัน แต่ตอนหลังมีปัญหากัน ย่าก็เลี้ยงมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต และย่าเสียชีวิต ซึ่งตนช่วยดูแลต่ออยู่พักหนึ่งไม่ได้ทอดทิ้งหลาน หลังจากนั้นพี่ต่อเห็นว่าตนมีภาระเยอะเลยพาน้องทีนไปทำงานด้วย และเปิดร้านกะเพราให้ขาย นอกจากตนแล้ว หลานยังมีญาติคนอื่นอยู่ แต่หลานเป็นคนขี้เกรงใจ ไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากใคร

"ภูมิใจที่หลานเป็นคนขยันเลี้ยงดูตัวเองได้ อยากให้หลานไปสู่ภพที่ดี จะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนที่ผ่านมา" ยายแจ๋วระบุ