เกิดอะไรขึ้น!? WHO อัปเดตข้อมูลจับตาโควิดสายพันธุ์ย่อย 7 ตัว
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน รัสเซีย เกาหลีใต้ และออสเตรีย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 8 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 93.17 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 86.96
...อัพเดตจาก WHO องค์การอนามัยโลกเผยแพร่รายงาน WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2566
ในรอบเดือนที่ผ่านมานั้น Omicron ยังคงเป็นสายพันธ์ที่ครองการระบาดทั่วโลกถึง 99.8% หากดูตามประเภทสายพันธุ์ย่อยที่มีรายงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะพบว่า BA.5 ลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือราว 42.7% ในขณะที่ BA.2 พบราว 13% ส่วนสายพันธุ์ผสมแบบ recombinant นั้นมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงถึง 32.7% โดยหากเทียบกับช่วงสัปดาห์ท้ายของปลายปีก่อน จะเพิ่มขึ้นมากถึง 3 เท่า ทั้งนี้ในกลุ่มสายพันธุ์ผสมเหล่านั้น ตัวที่มีสัดส่วนสูงสุดคือ XBB.1.5 (26.1%)
ณ ตอนนี้ มีไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยที่ WHO ติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่ 7 ตัว ได้แก่ BF.7, BQ.1* (รวม BQ.1.1), BA.2.75* (รวม BA.2.75.2), CH.1.1, XBB*, XBB.1.5, และตัวล่าสุดที่เพิ่มเข้ามาคือ XBF
XBF นั้นเป็นลูกผสมระหว่าง BA.5.2.3 กับ CJ.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในตำแหน่งต่างๆ ที่มีข้อมูลว่าทำให้มีสมรรถนะในการแพร่ระบาดได้มากขึ้น และมีการสังเกตพบว่ามีการระบาดเร็วกว่าหลายสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ปัจจุบัน XBF มีการแพร่ไปแล้วราว 46 ประเทศ
ข้อมูลการระบาดในสหราชอาณาจักรนั้น (รูปที่ 1 และ 2: Credit from Justin E, France) หากทำเป็นภาพจะเห็นได้ชัดเจนว่า ลักษณะการระบาดในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมานั้นแตกต่างจากในอดีต เพราะมีการติดเชื้อแบบหลากหลายสายพันธุ์ (variant soup) ในขณะที่สมัยก่อนจะมีสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งที่โดดเด่นครองการระบาดหลัก
ปรากฏการณ์ข้างต้นดูจะเป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้น ยามที่เปิดเสรีการใช้ชีวิต มีการเคลื่อนย้ายของคนจากแต่ละประเทศไปยังประเทศต่างๆ มากมายในแต่ละวัน ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้คือ ความยากลำบากในการรับมือ ทั้งเรื่องการวางแผนหยูกยาและวัคซีน รวมไปถึงหากมีการติดเชื้อแพร่เชื้อมากเพราะประชากรไม่ได้ป้องกันตัวอย่างเพียงพอ การกลายพันธุ์ย่อมมีโอกาสมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และมีโอกาสที่จะเกิดตัวแปลกๆ ที่พัฒนาสมรรถนะแหวกแนว มีความรุนแรงของโรคมากขึ้นได้จนนำไปสู่การเจ็บป่วย เสียชีวิต รวมถึงผลกระทบระยะยาวอย่างภาวะ Long COVID ได้เช่นกัน ดังนั้นการป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอจึงยังมีความสำคัญยิ่ง
ทีมงานจาก Public Health Scotland รายงานผลการศึกษาใน SSRN (Preprints with the Lancet) เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ศึกษาในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 จำนวนถึง 4,074 คน เปรียบเทียบกับหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ติดเชื้อจำนวน 12,222 คน พบว่า การติดเชื้อจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด 1.36 เท่า, เสี่ยงที่แม่จะต้องป่วยรุนแรงจนต้องเข้าไอซียู และเสียชีวิต 1.72 เท่า, เสี่ยงต่อลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ 2.53 เท่า ผลการศึกษานี้ตอกย้ำให้เราเห็นผลกระทบของการติดเชื้อทั้งต่อแม่และลูก
Lindsay L et al. Baby and Maternal Outcomes Following SARS-CoV-2 Infection and COVID-19 Vaccination During Pregnancy: A National Population-Based Matched Cohort Study. SSRN. 20 January 2023.