หลานตกเป็นเหยื่อ ถูกหลอกโอนเงินสูญกว่า3แสนอ้างได้รายได้จากการดูยูทูป
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ หลานตกเป็นเหยื่อ ถูกหลอกโอนเงินสูญกว่า3แสนอ้างได้รายได้จากการดูยูทูป
ได้รับการร้องเรียนจากนายอธิชัย อายุ 39 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังจากหลานสาวถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน โดยนายอธิชัยเล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา หลังจากที่หลานสาวของตน นั่งเล่นมือถือ และเข้าไปในอินสตาแกรม กระทั่งเห็นลิงค์โฆษณา รับสมัครงานหาคนดูคลิปวีดีโอจากยูทูบ หลานหลงเชื่อกดสมัครเข้าไป มีการพูดคุยกับแอดมินผ่านทางไลน์
เริ่มต้นตั้งแต่ หลานสาวแอดไลน์ไป และแสดงความสนใจจะทำงานออนไลน์ โดยมีแอดมินโกปาย เป็นผู้ตอบแชท ซึ่งหลานสาว ได้กรอกข้อมูล ทั้งชื่อ อายุ และยังระบุด้วยว่า "เป็นนักเรียน ม.ปลาย"
จากนั้น มิจฉาชีพ ได้ส่งรายละเอียดโปรโมชั่นเงื่อนไขในการทำงานมาให้ อธิบายว่า ดูคลิป MV เพลงโฆษณา เพื่อเพิ่มยอดวิว จะได้ค่าตอบแทนเมื่อดูจบ เงินจะโอนเข้าบัญชีทันที โดยอ้างว่า ให้เพลงละ 40 บาท เริ่มต้นที่ 5 เพลง ได้จะเงิน 200 บาท ต้องจ่ายค่าประกัน 100 บาท ไปจนถึง 50 เพลง ได้เงิน 5,000 บาท จ่ายเงินประกัน 1,000 บาท ซึ่งเงินประกันนั้น อ้างว่า ประกันการทำงานของลูกค้า เมื่อทำวานจบก็สามารถถอนได้ ทั้งค่าดูงาน และเงินประกัน
นายอธิชัย กล่าวว่า หลานหลงเชื่อ จะดูจำนวน 20 เพลง จึงโอนเงินประกันไป 400 บาท ผ่านธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชีปลายทาง สุมลรัตน์ พรมจันทร์
พอโอนเงินไป ทางแอดมินแจ้งกลับมาว่า เบิกงานให้ไม่ทัน และออกอุบายจะให้ทำงานอื่นแทน ซึ่งเป็นงานกดรับสินค้าพร้อมกับส่งขั้นตอนการทำงานมาให้ดู แต่พอกดเข้าไปก็มีปัญหา ตอนนั้นหลานเริ่มไม่มั่นใจ และจะขอยกเลิกบัญชีที่สมัครไว้ แต่มิจฉาชีพบอกว่า หากจะปิด ต้องจ่ายค่าปิดบัญชีอีก 500 บาท หลานก็โอนไป ในบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายมนตรี วาอุบล เป็นเงิน 500 บาท
ต่อมา วันที่ 29 ธ.ค.65 ทางแอดมินทักกลับมาว่า งานยูทูบว่างแล้ว แต่หลานของตนก็ไม่ตอบกลับไป จนกระทั่งวันที่ 7 ม.ค.66 ทางแอดมินก็ส่งข้อความมาในลักษณะเชิงข่มขู่ว่า "สวัสดีค่ะ ยูสเซอร์ของคุณ จะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานและเรียน และในข้อความที่ส่งมาก็มีการขู่เรื่องการกระทำผิดกฎหมาย จนทำให้หลานของตนกลัว จึงต้องรีบโอนเงินเพื่อทำการปิดบัญชีไปอีก 500 บาท ไปที่บัญชีธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชี น.ส.ปรารถนา หุริน
ต่อมา มิจฉาชีพยังหลอกลวงหลานของตน เรื่องขั้นตอนการปิดบัญชี ว่าต้องโอนไปยังบัญชีเดิมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท เท่ากับรวมเป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเอกสารอีก 1,500 บาท พอหลานทำตามแล้ว มิจฉาชีพก็ยังออกอุบายให้โอนเงินซ้ำ และต่อมาก็บอกว่าหลานตนทำผิดวิธี ต้องส่งหลักฐานให้สรรพากรตรวจสอบ เป็นค่าภาษี และหลอกให้โอนเงินซ้ำอีกหลายครั้ง
ถึงตอนนั้น หลานของตนโอนจนไม่เหลือเงินแล้ว จึงได้ขอยืมโทรศัพท์ของยาย ซึ่งมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณ 3 แสนบาท โดยหลานของตนมาขอยืมโทรยายก่อนที่จะออกไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ข้างๆ กัน และไปติดต่อกับทางแอดมินที่มาหลอกให้ทำงาน โดยโอนเงินไปยัง บัญชีชื่อ น.ส.ปรารถนา หุริน (จำนวนเงินที่โอน 1,500 ,2,000 ,5,000 , 45,000 , 90,000 มากสุด 120,000 บาท )
หลังจากนั้น ยังมีการโอนเงินไปอีกหลายรอบ จนรอบสุดท้ายยอดเงินที่ต้องโอนคือ 180,000 บาท โดยทางแอดมินแจ้งว่าเป็นค่าภาษี ซึ่งหลานของตนก็โอนไปจนหมดบัญชี โดยรวมยอดเงินของหลานที่โอนไปก่อนหน้านี้ด้วยเป็นเงินทั้งหมด 302,500 บาท
ทั้งนี้ เงินในบัญชีของยายเป็นเงินบำนาญของตาที่เกษียณอายุราชการและอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินที่แม่ของน้องนั้นมาให้ยายเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา
เมื่อหลานรู้ว่าถูกหลอก หลานยังส่งข้อความไปทวงเงินคืนหลายครั้ง โดยระบุว่า " หมดตัว หมดบ้านแล้ว เค้าเรียน ม.ปลาย เงินที่เอามาลงทุนทำงานก็แอบขโมยเงินยาย ตอนนี้เครียด จนจะฆ่าตัวตาย"
นายอธิชัย บอกว่า มารู้เรื่องวันที่ 7 ม.ค. ตอนที่หลานโทรไปยืมเงินกับป้า ซึ่งป้าตอบกลับมาว่าหลานกำลังถูกหลอก ในระหว่างนั้นหลานของตนก็วิ่งออกจากบ้านไปบ้านอีกหลังหนึ่งข้างๆ กัน และไปนั่งอยู่ที่ระเบียง ร้องไห้ฟูมฟายและกรีดร้องจนตนต้องเข้าไปปลอบจึงยอมลงมา
นายอธิชัยกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหลานของตนก็ตกอยู่ในอาการผวา นอนไม่หลับ ซึ่งตนกลัวหลานของตนจะคิดสั้นเหมือนกับข่าวที่เด็กวัย 15 ปี ผูกคอเสียชีวิต ทำให้ตนต้องมานอนเป็นเพื่อหลานทุกคืนตั้งแต่เกิดเหตุ และระหว่างนั้นหลานของตนก็ต้องกินยาคลายเครียด ยานอนหลับ กินเข้าก็ไม่ได้ กลางคืนก็นอนผวา นอนละเมอว่า เมื่อไรตำรวจจะจับคนพวกนี้ได้ เมื่อไหร่จะเอาเงินมาคืนยายกับตาเพราะมันเป็นเงินของยายกับตา
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตนได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่า ให้ไปแจ้งความกับทางตำรวจไซเบอร์ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าของคดี
เริ่มต้นตั้งแต่ หลานสาวแอดไลน์ไป และแสดงความสนใจจะทำงานออนไลน์ โดยมีแอดมินโกปาย เป็นผู้ตอบแชท ซึ่งหลานสาว ได้กรอกข้อมูล ทั้งชื่อ อายุ และยังระบุด้วยว่า "เป็นนักเรียน ม.ปลาย"
จากนั้น มิจฉาชีพ ได้ส่งรายละเอียดโปรโมชั่นเงื่อนไขในการทำงานมาให้ อธิบายว่า ดูคลิป MV เพลงโฆษณา เพื่อเพิ่มยอดวิว จะได้ค่าตอบแทนเมื่อดูจบ เงินจะโอนเข้าบัญชีทันที โดยอ้างว่า ให้เพลงละ 40 บาท เริ่มต้นที่ 5 เพลง ได้จะเงิน 200 บาท ต้องจ่ายค่าประกัน 100 บาท ไปจนถึง 50 เพลง ได้เงิน 5,000 บาท จ่ายเงินประกัน 1,000 บาท ซึ่งเงินประกันนั้น อ้างว่า ประกันการทำงานของลูกค้า เมื่อทำวานจบก็สามารถถอนได้ ทั้งค่าดูงาน และเงินประกัน
นายอธิชัย กล่าวว่า หลานหลงเชื่อ จะดูจำนวน 20 เพลง จึงโอนเงินประกันไป 400 บาท ผ่านธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชีปลายทาง สุมลรัตน์ พรมจันทร์
พอโอนเงินไป ทางแอดมินแจ้งกลับมาว่า เบิกงานให้ไม่ทัน และออกอุบายจะให้ทำงานอื่นแทน ซึ่งเป็นงานกดรับสินค้าพร้อมกับส่งขั้นตอนการทำงานมาให้ดู แต่พอกดเข้าไปก็มีปัญหา ตอนนั้นหลานเริ่มไม่มั่นใจ และจะขอยกเลิกบัญชีที่สมัครไว้ แต่มิจฉาชีพบอกว่า หากจะปิด ต้องจ่ายค่าปิดบัญชีอีก 500 บาท หลานก็โอนไป ในบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายมนตรี วาอุบล เป็นเงิน 500 บาท
ต่อมา วันที่ 29 ธ.ค.65 ทางแอดมินทักกลับมาว่า งานยูทูบว่างแล้ว แต่หลานของตนก็ไม่ตอบกลับไป จนกระทั่งวันที่ 7 ม.ค.66 ทางแอดมินก็ส่งข้อความมาในลักษณะเชิงข่มขู่ว่า "สวัสดีค่ะ ยูสเซอร์ของคุณ จะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานและเรียน และในข้อความที่ส่งมาก็มีการขู่เรื่องการกระทำผิดกฎหมาย จนทำให้หลานของตนกลัว จึงต้องรีบโอนเงินเพื่อทำการปิดบัญชีไปอีก 500 บาท ไปที่บัญชีธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชี น.ส.ปรารถนา หุริน
ต่อมา มิจฉาชีพยังหลอกลวงหลานของตน เรื่องขั้นตอนการปิดบัญชี ว่าต้องโอนไปยังบัญชีเดิมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท เท่ากับรวมเป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเอกสารอีก 1,500 บาท พอหลานทำตามแล้ว มิจฉาชีพก็ยังออกอุบายให้โอนเงินซ้ำ และต่อมาก็บอกว่าหลานตนทำผิดวิธี ต้องส่งหลักฐานให้สรรพากรตรวจสอบ เป็นค่าภาษี และหลอกให้โอนเงินซ้ำอีกหลายครั้ง
ถึงตอนนั้น หลานของตนโอนจนไม่เหลือเงินแล้ว จึงได้ขอยืมโทรศัพท์ของยาย ซึ่งมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณ 3 แสนบาท โดยหลานของตนมาขอยืมโทรยายก่อนที่จะออกไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ข้างๆ กัน และไปติดต่อกับทางแอดมินที่มาหลอกให้ทำงาน โดยโอนเงินไปยัง บัญชีชื่อ น.ส.ปรารถนา หุริน (จำนวนเงินที่โอน 1,500 ,2,000 ,5,000 , 45,000 , 90,000 มากสุด 120,000 บาท )
หลังจากนั้น ยังมีการโอนเงินไปอีกหลายรอบ จนรอบสุดท้ายยอดเงินที่ต้องโอนคือ 180,000 บาท โดยทางแอดมินแจ้งว่าเป็นค่าภาษี ซึ่งหลานของตนก็โอนไปจนหมดบัญชี โดยรวมยอดเงินของหลานที่โอนไปก่อนหน้านี้ด้วยเป็นเงินทั้งหมด 302,500 บาท
ทั้งนี้ เงินในบัญชีของยายเป็นเงินบำนาญของตาที่เกษียณอายุราชการและอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินที่แม่ของน้องนั้นมาให้ยายเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา
เมื่อหลานรู้ว่าถูกหลอก หลานยังส่งข้อความไปทวงเงินคืนหลายครั้ง โดยระบุว่า " หมดตัว หมดบ้านแล้ว เค้าเรียน ม.ปลาย เงินที่เอามาลงทุนทำงานก็แอบขโมยเงินยาย ตอนนี้เครียด จนจะฆ่าตัวตาย"
นายอธิชัย บอกว่า มารู้เรื่องวันที่ 7 ม.ค. ตอนที่หลานโทรไปยืมเงินกับป้า ซึ่งป้าตอบกลับมาว่าหลานกำลังถูกหลอก ในระหว่างนั้นหลานของตนก็วิ่งออกจากบ้านไปบ้านอีกหลังหนึ่งข้างๆ กัน และไปนั่งอยู่ที่ระเบียง ร้องไห้ฟูมฟายและกรีดร้องจนตนต้องเข้าไปปลอบจึงยอมลงมา
นายอธิชัยกล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นหลานของตนก็ตกอยู่ในอาการผวา นอนไม่หลับ ซึ่งตนกลัวหลานของตนจะคิดสั้นเหมือนกับข่าวที่เด็กวัย 15 ปี ผูกคอเสียชีวิต ทำให้ตนต้องมานอนเป็นเพื่อหลานทุกคืนตั้งแต่เกิดเหตุ และระหว่างนั้นหลานของตนก็ต้องกินยาคลายเครียด ยานอนหลับ กินเข้าก็ไม่ได้ กลางคืนก็นอนผวา นอนละเมอว่า เมื่อไรตำรวจจะจับคนพวกนี้ได้ เมื่อไหร่จะเอาเงินมาคืนยายกับตาเพราะมันเป็นเงินของยายกับตา
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ตนได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่า ให้ไปแจ้งความกับทางตำรวจไซเบอร์ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าของคดี
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น