ทนายตั้ม แจ้งความพร้อมแฉเล่ห์กล อดีตรองนายก ย. ลั่นคดีไม่พลิก!
นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้พานาย ก. มาแจ้งความดำเนินคดีกับ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ในข้อหาแจ้งความเท็จ และให้การเท็จ เนื่องจากมีหลายอย่างที่การแจ้งความไม่เป็นความจริง อย่างที่บอกกับทุกคนว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ได้ไปสู่ขอฝ่ายหญิง ทำพิธีหมั้นและให้สินสอด ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง เป็นการแต่งเติมข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้าข้อกฎหมาย ว่าตัวเองสามารถเรียกคืนทรัพย์สินหรือสินสอดที่เคยให้กับฝ่ายหญิงได้ โดยอดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสมา 10 ปีแล้ว
นายษิทรา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเงินและทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อ้างว่า ได้ให้ฝ่ายหญิงเกือบ 20 ล้าน ก็เป็นการอ้างลอย ๆ ไม่มีหลักฐานการโอนและการเบิกถอน แต่เชื่อว่าอาจจะเคยให้เงินจริง ในฐานะชู้รัก แต่ไม่ได้มากถึง 10 กว่าล้าน นอกจากนี้ ประเด็นที่ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. รู้จักกับฝ่ายหญิง สมัยเป็นแคดดี้ และให้เงินไปทำศัลยกรรม โดยทั้งคู่รู้จักกันมากว่า 10 ปีนั้นไม่เป็นความจริง ฝ่ายหญิงอายุ 25 ปี หากย้อนกลับไป 10 ปี ฝ่ายหญิงก็มีอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
นายษิทรา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นขบวนการตบทรัพย์ และตนก็รู้เห็นกับขบวนการนี้ด้วย อยากชี้แจงส่วนนี้ว่า ตนไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมขบวนการดังกล่าว และนาย ก. เอง ก็ไม่ได้รู้เห็นกับขบวนการนี้ เนื่องจากว่าทันทีที่ทราบว่าฝ่ายหญิงนอกใจก็ขอหย่า โดยใช้กระบวนการกฎหมายทันที
นายษิทรา กล่าวต่อว่า ในส่วนครอบครัวฝ่ายหญิงที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงนั้น ด้านอดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. รู้อยู่แล้วว่าพ่อของฝ่ายหญิงมีคดีติดตัว จึงได้ไปแจ้งความจับครอบครัวของฝ่ายหญิงเพื่อให้ออกหมายจับ และตำรวจสั่งฟ้อง นั่นเป็นเพียงความเห็นเบื้องต้นเท่านั้น ตนจึงได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมกับอัยการแล้ว ดังนั้นจึงมองว่าคดีที่ขึ้นศาลไปแล้วก็มีสิทธิ์ยกฟ้องได้เช่นเดียวกัน
นายษิทรา กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมฝ่ายหญิงถึงชอบถ่ายรูปลับเอาไว้ เป็นการถ่ายเพื่อมาแบล็คเมล์ภายหลังหรือไม่ หลักฐานที่ตนมียืนยันได้ว่า เป็นการถ่ายภาพลับแล้วส่งให้กันทั้งสองฝ่าย รวมถึงประเด็นที่ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. อ้างว่าไม่ทราบว่าฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว ตนก็มีหลักฐานแชทไลน์ชัดเจนว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ทราบดีว่าฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว
นายษิทรา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่ตนได้ฟ้องร้อง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ถึง 25 ล้านนั้น ไม่เป็นความจริง ตัวเลขไม่ได้สูงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ารู้สึกกังวล เพราะกลัวว่าอิทธิพลของฝ่ายตรงข้ามจะทำให้มีผลเกี่ยวกับรูปคดี เนื่องจาก อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. เป็นบุคคลระดับคนใหญ่ คนโต ที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว แต่ยืนยัน คดีนี้ไม่พลิกแน่นอน