สาววัย17ป่วยโคม่า 50:50 หลังใช้ตะเกียบคีบหมูกระทะทำติดโรค
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ สาววัย17ป่วยโคม่า 50:50 หลังใช้ตะเกียบคีบหมูกระทะทำติดโรค
จากกรณีมีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งได้โพสต์คลิป บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้องสาวที่ไปรับประทานหมูกะทะ ก่อนจะติดเชื้อ "สเตรปโตคอคคัส ซูอิส" หรือ "โรคไข้หูดับ"
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ นางศุภมาส ไกรทิพย์ อายุ 52 ปี คุณแม่ของน้องสปาย อายุ 17 ปี คุณแม่เผยว่าเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 65 ที่ผ่านมาครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนที่จังหวัดหนึ่ง ก่อนจะมีการทานหมูกะทะกัน หลังจากนั้นพอกลับมาบ้านทุกอย่างก็ยังปกติดีอยู่ กระทั่งวันที่ 28 พ.ย. 65 ลูกสาวเริ่มมีอาการผิดปกติ เริ่มอาเจียน ก่อนจะไลน์มาหาเเม่บอกว่า "ไม่สบาย น่าจะอาหารเป็นพิษ" ลูกสาวก็ได้กินยาตามอาการที่หมอประจำโรงเรียนจัดให้ ตนจึงได้ไปรับลูกสาวกลับมาที่บ้าน
ต่อมาเข้าวันที่ 29 พ.ย. 65 ช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. ลูกสาวเดินมาเคาะห้อง บอกว่ามีอาการไม่สบายก่อนจะวูบหมดสติไปประมาณ 30 วินาที ก่อนจะฟื้นขึ้นมาแต่ลูกสาวจำอะไรไม่ได้ ตนเเละสามีรีบพาลูกไปส่งโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉินขอให้หมอช่วยตรวจอาการลูกอย่างละเอียด ก่อนที่หมอจะตรวจเเละออกใบรับรองเเพทย์ แต่ตนยังไม่สบายใจขอให้หมอช่วยตรวจเช็กสมองของลูกสาวให้อีกครั้ง แต่เมื่อสแกนเสร็จหมอจะบอกว่าสามารถพาลูกสาวกลับบ้านได้เลยไม่ได้มีอาการอะไรผิดปกติ
ในวันเดียวกัน เมื่อพาลูกสาวกลับมาที่บ้าน ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ลูกสาวมีไข้ขึ้นสูง และมีรอยจ้ำเลือดขึ้นตามลำตัว เล็บมือเล็บเท้าเริ่มม่วงคล้ำ ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง ตนและสามีรีบพาลูกสาวส่งโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งเมื่อไปถึงลูกสาวมีอาการน่าเป็นห่วงทั้งดิ้นและกรีดร้องเพราะหายใจไม่ออก หมอกับพยาบาลรวมถึงตัวและสามีต้องช่วยกันจับลูกสาวมัดมือมัดเท้าเพื่อเจาะเลือดและไขสันหลังไปตรวจ ต่อมาช่วงเช้าของวันที่ 30 พ.ย. 65 ผลตรวจของลูกสาวออก แพทย์โทรมาแจ้งว่า "เสียใจด้วย ลูกสาวติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส หรือ ไข้หูดับ และเชื้อขึ้นสมอง ให้รีบติดต่ออีกโรงพยาบาลใหม่เพราะว่าที่นี่ไม่มีเครื่องสแกนสมอง"
วันเดียวกันช่วงบ่าย ตนได้ติดต่อประสานไปอีกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 3 และมีการเจาะไขสันหลังไปตรวจซ้ำอีกครั้ง ซึ่งผลยังยืนยันเป็นเช่นเดิมว่าลูกสาวติดเชื้อสเตรปโตคอคคัส หมอได้ให้ยาฆ่าเชื้อทั้งหมดห้าตัวเนื่องจากตอนแรกยังไม่ทราบว่าลูกสาวติดเชื้อสายพันธุ์ใด แต่เมื่อมีการเพาะเชื้อตรวจสอบแล้วพบว่าลูกสาวติดเชื้อ "สเตปโตค็อกคัส สายพันธุ์บี" ซึ่งเกิดจากทานหมูดิบ ลูกสาวรักษาอาการป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 3 นานประมาณ 9 คืน เเต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ลูกสาวไม่ได้สติ นอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา ตอนนั้นตนจึงได้ประสานขอความช่วยเหลือเพื่อย้ายลูกสาวไปยังโรงพยาบาลรัฐฯ เนื่องจากสู้ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลเอกชนไม่ไหว
กระทั่งช่วงค่ำ วันที่ 8 ธ.ค. ลูกสาวได้ถูกส่งตัวต่อมาที่สถาบันประสาทวิทยากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ช่วงเช้าของวันที่ 9 ธ.ค. อาจารย์แพทย์ของสถาบันประสาทได้เข้ามาดูอาการของลูกสาว โดยให้รายละเอียดกับตนว่าเป็นเคสที่หาได้ยาก เนื่องจากลูกสาวยังอายุน้อยอยู่ในวัยที่กำลังมีเรี่ยวมีแรง แข็งแรง และไม่มีโรคประจำตัว ไม่น่าเชื่อว่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดจนทำให้เชื้อขึ้นสมอง ก่อนจะมีการใช้เครื่องสวนเข้าไปในสมองเพื่อสลายลิมเลือด แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จจะต้องให้ยาสลายลิมเลือดใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้ลูกสาวป่วยเข้า 14 วันแล้ว และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 13 คืน แต่อาการก็ยังทรง ๆ ทรุด ๆ ตอนนี้ลูกสาวมีอาการเส้นเลือดโป่ง ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง ทำให้ยาฆ่าเชื้อที่แพทย์สั่งจ่ายให้ ไม่สามารถเข้าไปฆ่าเชื้อในสมองได้ ซึ่งตอนนี้ลูกสาวยังไม่ได้สตินอนเป็นเจ้าหญิงนิทราต้องให้อาหารทางสายยาง แต่ในวันนี้แพทย์ได้แจ้งอีกครั้งว่าจะต้องมีการเจาะคอ เพราะเกรงว่าจะมีการติดเชื้อแทรกซ้อน
สอบถามพยาบาลที่เฝ้าดูแลอาการทราบว่าเมื่อเช้าลูกสาวมีการลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ แพทย์ก็ได้แต่บอกว่าขอให้รอให้หมอได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ก่อน แต่ถามว่าลูกสาวจะกลับเป็นเหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ยังตอบได้แค่ว่า 50:50
สุดท้ายตนอยากจะฝากทุกคน ๆ ให้เคสของลูกสาวตนได้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กินหมูกระทะบ่อย ๆ ขอให้แยกตะเกียบในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุก หรือหากใช้ตะเกียบเดียวกันหลังจากขี้อายเนื้อหมูดิบแล้วขอให้มีการจุ่มน้ำร้อนในกระทะเพื่อฆ่าเชื้อก่อนที่จะนำมาขี้อายเนื้อหมูสุกรับประทาน ตอนนี้สาเหตุมาจากหมูกระทะ ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ทำให้ชีวิตของลูกสาวตนพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง
vvvvv
vvv
v
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น