รร.ดังอุบลฯ ชี้แจง ปมเด็กอบรมลัทธิประหลาด ทำเลขาฯ กพฐ. ฉุนสั่งสอบแล้ว
ซึ่งเป็นลัทธิความเชื่อหนึ่งที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ไม่ใช่พระพุทธศาสนาซึ่งลัทธิอนุตรธรรมสอนว่าจิตวิญญาณเท่านั้น ที่มาจาก "พระองค์ธรรมมารดา" ร่างกายเป็นเพียงที่พำนักชั่วคราวการได้รับถ่ายทอด "วิถีอนุตรธรรม" ทำให้เราได้รับสิ่งวิเศษ 3 อย่างคือ 1.มโนทวา 2.สัจจคาถา 3.ลัญจกรการขอรับวิถีธรรมจะนำพาตัวเองขึ้นไปสู่ความเป็นนิรันดร
บางโพตส์ระบุเรื่องสุขอนามัยโรงเรียนไม่เคยตรวจสอบ แต่เรื่องสิทธิเสรีภาพของนักเรียนทางโรงเรียนตั้งกฎระเบียบขึ้นมาใหม่อย่างเข้มงวด ภายหลังจากที่ ผู้อำนวยการโรงเรียนคนใหม่เข้ามารับหน้าที่ได้ 2 เดือนเช่น ชุดพละซึ่งก็เป็นชุดที่ทางโรงเรียนกำหนดและก็เป็นไปตามกฎของกระทรวง แต่วันที่มีการเรียนพละไม่ให้เด็กนักเรียนใส่ไปตั้งแต่ช่วงเช้า
ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนเปิดเผยว่า เป็นวิชาเรียนวิชาศาสนา แต่เด็กว่าเป็นลัทธิอื่นกำลังให้ทางชมรมผู้ปกครอง รองผอ.ฝ่ายวิชาการ และครูสาระสังคม คุยกับผู้จัดซึ่งถ้าไม่ดีก็จะยกเลิกและในส่วนประเด็นอื่นๆ ที่อยู่ในทวิตเตอร์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักนั้น ก็จะมีการพูดคุยกับเด็กนักเรียนแก้ปัญหาภายในกรอบถ้ามีการออกกฎระเบียบเกินก็จะต้องมีการประชุมพูดคุยกับเด็กนักเรียนตัวแทนหัวหน้าชั้นเรียน 99 ห้องเรียน จากจำนวนนักเรียน 3,800 คน และครูที่ปรึกษาในวันที่ 6 ธันวาคม 2565 นี้
ถ้ามีประเด็นอะไรที่เอาลงในทวิตเตอร์ก็จะได้มีการพูดคุยกัน หรือถ้าขัดแย้งกันต้องแก้เป็นจุดๆ ไป จุดที่เป็นปัญหาใครเป็นคนทำให้เกิดปัญหา ปัญหานั้นเด็กคับข้องใจอย่างไรก็ต้องใช้ขบวนการภายในโรงเรียนซึ่งไม่ใช่เป็นนโยบายที่กระทบประชาชนในมุมกว้าง สำหรับกิจกรรมดังกล่าวทางโรงเรียนได้ให้หยุดกิจกรรมไปแล้ว เพื่อความสบายใจ
ล่าสุด นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้สอบถามเรื่องดังหล่าวกับทางผู้อำนวยการโรงเรียนแล้ว โดยทางผู้อำนวยการโรงเรียน ชี้แจงว่า เป็นผู้อนุมัติให้จัดอบรม เพราะคิดว่า เป็นค่ายธรรมะ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ส่งเสริมสนับสนุนอยู่แล้ว โดยที่ไม่มีการตรวจสอบวิทยากรที่มาทำการอบรม แต่เมื่อทราบว่า เป็นลักษณะของลัทธิประหลาด ก็ได้สั่งให้ยกเลิกทันที ทั้งนี้ ตนได้สั่งให้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไล่ตั้งแต่ผู้อำนวยการโรงเรียน ไปจนถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง หากพบว่า เกี่ยวพันไปถึงใครก็ต้องได้รับโทษด้วย
"ผู้อำนวยการโรงเรียนถือว่า มีความผิดแน่นอน ฐานประมาท ไม่ตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะมีการจัดอบรม ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และไม่สมควรให้เกิดขึ้น" นายอัมพรกล่าว