หมอแจง เหตุด.ญ.6ขวบติดโควิดดับ สุดห่วงเด็กติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น

วันที่ 28 พ.ย.2565 นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม รพ.มหาราชนครราชสีมา กล่าวถึงกรณี ด.ญ. 6 ขวบ ติดเชื้อโควิดเสียชีวิตไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แพทย์ตรวจพบว่าติดเชื้อมาจากคนในครอบครัว และได้รักษาตัวอยู่ที่บ้านมาก่อนแล้วกว่า 2 สัปดาห์ ก่อนที่มารักษาที่รพ. จากประวัติพบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัวคืออาการทางสมอง และเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ก่อนแล้ว ประกอบกับไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโควิดด้วย

เมื่อติดเชื้อจึงทำให้ปอดบวม มีปัญหาทางระบบหายใจ และติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งกรณีนี้ทำให้แพทย์เป็นห่วงมาก เนื่องจากที่ผ่านมาหลายคนอาจจะคิดว่าเด็กติดเชื้ออาการจะไม่ค่อยรุนแรง จึงทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความระมัดระวังป้องกันเด็กอย่างเต็มที่ ขอยืนยันว่าเด็กที่มีอายุน้อยๆ ถ้าได้รับเชื้อไวรัสโควิดเข้าไปในปริมาณมาก ก็สามารถทำให้เกิดอาการหนักถึงเสียชีวิตได้

ตอนนี้เคสเด็กที่ติดเชื้อ ที่หมอดูแลอยู่ ก็มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่วนใหญ่จะพบว่าติดเชื้อมาจากโรงเรียน และมีเด็กที่อาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียู 2 ราย อายุ 7 เดือน และ 1 ปีกว่า ซึ่งทั้งคู่ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ แต่รับเชื้อโควิดเข้าไปในปริมาณมาก ทำให้มีอาการระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงขอให้ช่วงนี้ผู้ปกครองเฝ้าระวังป้องกันบุตรหลานให้มาก โดยเฉพาะช่วงที่มีการเปิดโรงเรียนเต็มรูปแบบ

นพ.จิรรุจน์ กล่าวอีกว่า หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทางโรงเรียน มีการวางระบบคัดกรองเด็กที่มีอาการเป็นไข้ น้ำมูกไหล ไอ จาม โดยต้องให้ตรวจ ATK ทุกครั้งก่อนเข้าโรงเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าไประบาดอย่างหนักในโรงเรียนได้ ขณะเดียวกันตอนนี้การเก็บตัวอย่างไปตรวจหาสายพันธุ์โควิด-19 เพื่อส่งไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็เป็นเพียงการสุ่มเก็บตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้มีคำสั่งให้เก็บตัวอย่างสายพันธุ์จากผู้ป่วยที่มีอาการหนักใส่ท่อหายใจด้วย

ในเคสของน้องอายุ 6 ปีที่เสียชีวิตจึงไม่รู้ว่าเป็นสายพันธุ์อะไร จึงระบุไม่ได้ว่าสายพันธุ์ใดที่จะมีผลทำให้เด็กอายุน้อยๆ มีอาการหนัก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือให้ผู้ปกครองเฝ้าระวังบุตรหลานอย่าให้ไปติดเชื้อโควิด-19 และหากพบว่ามีการติดเชื้อก็ให้รีบนำบุตรหลานไปพบแพทย์ในทันที ซึ่งจะทำให้ลดอัตราเสี่ยงเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี