
มติเสียงข้างมาก ไฟเขียวดีลควบรวมกิจการทรู-ดีแทค แบบมีเงื่อนไข

"กสทช." ไม่มีอำนาจ ตัดสินควบรวม ทรูฯ ดีแทค หลังมีมติเสียงข้างมากรับทราบเท่านั้น พร้อมกำหนดเงื่อนไข/มาตรการเฉพาะ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคและการพัฒนากิจการโทรคมนาคม
วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 20 ต.ค. 2565 ที่ประชุม กสทช. ได้พิจารณาการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยกรณีการรวมธุรกิจดังกล่าว เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมีผลกระทบต่อสาธารณะ กสทช. ทุกท่านจึงได้ใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลทุกด้านอย่างละเอียดรอบคอบ
ซึ่งในวันนี้ที่ประชุม กสทช. ได้มีการหารือ อภิปราย รวมถึงแสดงความคิดเห็นในการพิจารณาร่วมกันในทุกๆ ด้าน โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 11 ชั่วโมง จากนั้นที่ประชุม กสทช. จึงได้มีมติเสียงข้างมากรับทราบการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ส่วนเสียงข้างน้อยขอสงวนความเห็น ไม่อนุญาตการรวมธุรกิจ ซึ่งมติรับทราบการควบรวมธุรกิจหมายถึง กสทช.ไม่มีอำนาจในการอนุญาต จึงมีมติเพียงรับทราบ โดยการควบรวมฯ สามารถทำได้ ซึ่ง กสทช.จะเป็นเพียงผู้กำกับดูแลออกกฏกติกาเงื่อนไขการประกอบกิจการเท่านั้น
อย่างไรก็ตามที่ประชุมเห็นชอบประเด็นการพิจารณาว่าการรวมธุรกิจกรณีนี้เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกับตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 โดยนัยของผลตามข้อ 9 ของประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม และให้พิจารณาดำเนินการตามประกาศฉบับปี 2561 หรือไม่ โดยมีผลของการลงมติดังนี้
ที่ประชุมเสียงข้างมาก (ประธาน กสทช. และ กสทช. ต่อพงศ์ฯ) มีมติเห็นว่าการรวมธุรกิจในกรณีนี้ ไม่เป็น การถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 โดยนัยของผลตามข้อ 9 ของประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม (ประกาศฉบับปี 2561) และให้พิจารณาดำเนินการตามประกาศฉบับปี 2561 โดยรับทราบการรวมธุรกิจและเมื่อ กสทช. ได้รับรายงานการรวมธุรกิจแล้ว กสทช. มีอำนาจกำหนดเงื่อนไข/มาตรการเฉพาะตามข้อ 12 ของประกาศฉบับปี 2561
ที่ประชุมเสียงข้างน้อย (กสทช. รองศาสตราจารย์ ดร. ศุภัชฯ และ กสทช. ศาสตราจารย์ ดร. พิรงรองฯ) มีมติเห็นว่ากรณีนี้เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันและให้พิจารณาดำเนินการพิจารณาตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 โดย กสทช. อาจสั่งห้ามการถือครองกิจการหรือกำหนดมาตรการเฉพาะตามหมวด 4 ของประกาศดังกล่าว
กสทช. พลอากาศโท ดร. ธนพันธุ์ฯ ของดออกเสียง เนื่องจากยังมีประเด็นปัญหาการตีความในแง่กฎหมายจึงยังไม่สามารถพิจารณาได้อย่างชัดเจนจึงของดออกเสียง โดยจะขอทำบันทึกในภายหลัง
อนึ่ง เนื่องจากการลงมติที่ประชุมดังกล่าวข้างต้นมีคะแนนเสียงเท่ากัน ดังนั้น ประธานที่ประชุมได้ใช้อำนาจตามข้อ 41 ของระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม กสทช. พ.ศ. 2555 ออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
แหล่งข่าวระดับสูงจากบอร์ด กสทช.เปิดเผยว่า กระบวนการพิจารณา 2 รูปแบบ คือ
1.รับทราบรายงานการรวมธุรกิจ ตามข้อ 12 ประกาศ กสทช.เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2561 เป็นเพียงการรับทราบไม่ได้พิจารณาอนุญาต
2. การรวมธุรกิจ "มีลักษณะเป็น การถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน ตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้เป็นการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม ปี 2549 โดยการเข้าซื้อหรือถือหุ้นเกิน 10% หรือซื้อสินทรัยพ์ทั้งหมด หรือบางส่วน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
อย่างไรก็ตามเมื่อที่ประชุมบอร์ด รับทราบรายงานการรวมธุรกิจ ตามข้อ 12 ของประกาศ กสทช.เรื่องมาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2561 จะต้องกำหนดตลาดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะออกมาตรการ หาก HHI มากกว่า 2,500 อุปสรรคการเข้าตลาดเพิ่มขึ้นมีนัยสำคัญ การครอบครองโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น ผลกระทบการแข่งขัน อาจกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ สำหรับผู้ประกอบการที่มีอำนาจเหนือตลาด ( SMP) มาบังคับใช้
"ตอนนี้สิ่งที่ต้องถกกันน่าจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับการมีอำนาจหรือไม่มีอำนาจ ของ กสทช.หาก กสทช.ตัดสินว่าอนุญาตให้ควบรวม ก็ต้องออกมาตรการกำกับดูแลออกมา แต่ถ้าไม่อนุญาต ก็ไม่ต้องมีมาตรการใดๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ หากกสทช.ตัดสินรับทราบ และออกมาตรการฯ ออกมา ก็จะส่งผลให้ กลุ่มที่คัดค้านเดินหน้าฟ้อง กสทช. ขณะเดียวกัน หาก กสทช.พิจารณา การรวมธุรกิจ ตามประกาศข้อ 8 ของกทช. ซึ่งจะมีการออกมาตรการห้าม และกำหนดมาตรการเฉพาะ ก็อาจจะส่งผลให้ ทรูฯ และดีแทค ฟ้อง กสทช.เช่นกัน ดังนั้น กสทช. ไม่ว่าจะพิจารณารูปแบบใด ก็จะโดนทั้งขึ้นทั้งร่อง" แหล่งข่าวกล่าว


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว