‘หมอปลา’ บุกวัดดัง จี้สอบสมภารสายเปย์มั่วสีกา

'หมอปลา' มือปราบสัมภเวสี นำทัพนักข่าว บุกวัดเมืองกาญจนบุรี หลังรับร้องเรียนเจ้าอาวาสสายเปย์ เลี้ยงเด็กมั่วสีกา ด้าน สมภาร ปฏิเสธเสียงแข็ง พร้อมยอมให้คณะผู้แทนสงฆ์ตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พาสื่อมวลชนลงพื้นที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงวัดแห่งหนึ่งในเขต ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี โดยเมื่อคณะหมอปลา เดินทางมาถึง พบอาคารของวัดดังกล่าวลักษณะเป็นบ้านไม้ทรงไทยใต้ถุนสูง จากนั้นได้ตรงเข้าไปที่กุฏิเจ้าอาวาส อยู่ชั้นล่างติดกับศาลาการเปรียญ จากนั้นเคาะประตูกุฏิตามที่แหล่งข่าวแจ้งว่า เจ้าอาวาสวัดดังกล่าวอยู่ในกุฏิ เมื่อเปิดห้องเข้าไป พบเจ้าอาวาสนั่งอยู่ โดยภายในห้องยังพบเด็กน้อย เพศหญิง อายุ 1 ปี พร้อมกับผู้ชาย 2 คน และ เยาวชนผู้หญิงอีก 2 คน

หมอปลา กล่าวว่า เนื่องจากมีคนร้องเรียนมาหลายคนมากถึงพฤติกรรมของพระเจ้าอาวาสรูปนี้ ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม มีการเอาสีกาไปอยู่ในห้อง กลางคืน กลางวัน เกือบทุกวัน บางครั้ง 2 คน 3 คน 4 คน บางครั้งก็คนเดียว มีคลิปหลักฐานตอนสีกาปิดประตู ซึ่งเป็นตอนกลางคืน และคลิปถุงยางอนามัย รวมถึงกล่องยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศทิ้งไว้ข้างกุฏิ วันนี้จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งเจ้าอาวาสรูปนี้ก็เหมือนรู้ เรื่องนี้ตนติดตามมาหลายเดือน กับผู้สื่อข่าวหลายช่อง วางแผนกัน ตนเคยจะลงพื้นที่มา 2 ครั้ง แต่เหมือนเจ้าอาวาสรูปนี้จะรู้ ก็เลยเอาคลิปที่มีให้ดูว่า คืออะไร เจ้าอาวาสบอกว่า ความจำไม่ดี ก็แปลกความจำไม่ดี แต่ดันเป็นเจ้าอาวาสได้ อย่างคลิปเขาบอกเป็นภาพกลางวันแต่ทำไมมืด เขาบอกจำไม่ได้ลืม แต่เป็นเจ้าอาวาสได้ จ.กาญจนบุรี ไม่ควรเอาพระความจำไม่ดีมาเป็นเจ้าอาวาส ฝากถึงเจ้าคณะจังหวัดจะคัดสรรใครมาเป็นเจ้าอาวาส ต้องเอาคนที่มีสติ สัมปชัญญะดี

เบื้องต้นสอบถามเจ้าอาวาส อ้างว่า เด็กวัยรุ่นที่อยู่ในกุฏิเป็นลูกหลาน พร้อมปฏิเสธอ้างว่าไม่ใช่สายเปย์ และไม่ได้เลี้ยงดูเด็กผู้หญิงอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่ที่ผ่านมายอมรับว่าได้ส่งเสียอุปการะค่าเทอมให้แก่เด็กในชุมชนมาแล้วหลายคนไม่ว่าเพศหญิงหรือชาย พ่อแม่เด็กก็รับทราบ โดยส่งเสียอุปการะมาแล้วหลายรุ่นจบปริญญาตรี 2-3 คนแล้ว หากถึงเวลาจ่ายค่าเทอมเด็กจะมาหาที่กุฏิ นอกจากนี้เด็กจะเรียกอาตมาว่าพ่อ อาตมาเองก็คิดว่า เด็กที่มาหาเป็นเหมือนลูกเป็นเหมือนหลานไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนกรณีที่บอกว่าพบเศษถุงยางอนามัย กับกล่องยาทน ที่พบก็ไม่รู้ว่าของใคร ซึ่งวัดนี้เป็นวัดสาธารณะ มีการจัดตลาดนัด นอกจากนี้ยืนยันว่าในกุฏิไม่มีการมั่วสุมเล่นพนัน ดื่มสุรา แต่อย่างใด ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด อาตมาอาจไปขัดผลประโยชน์ผู้อื่นเพราะทางวัดเองก็จะเก็บค่าแผงตลาดนัดไม่แพง ไม่ทราบว่าเป็นพระหรือชาวบ้านที่ไม่พอใจ

สำหรับผู้หญิงที่พบในกุฏิ เผยว่า พวกตนนับถือเจ้าอาวาสรูปนี้เป็นพ่อ นานทีจะเดินทางมาหา หากมาหาจะพาหลานสาวตัวน้อยมาเยี่ยมด้วย ส่วนที่ปิดประตูเนื่องจากเปิดแอร์จึงต้องปิดไม่ให้ความเย็นออกและจะเดินทางกลับในตอนเย็นไม่เคยค้างแรม และ ทุกครั้งที่มาก็มากันเป็นกลุ่ม มีผู้ชายมาด้วย ไม่ได้มาเพียงลำพัง หากมาในช่วงกลางวันแล้วก็จะกลับไม่มีใครได้ค้างคืนที่นี่แน่นอน

ขณะที่ เด็กสาววัย 15 ปี เล่าว่า พี่สาวแนะนำให้มาขอทุนการศึกษากับเจ้าอาวาส เพราะบ้านมีฐานะยากจน โดยเคยมาขอเมื่อตอนเรียนชั้น ม.1 เทอม 2 และชั้น ม.2 หลังจากนั้นก็ย้ายไปเรียนที่อื่น ส่วนคลิปที่ปรากฏภาพหญิงสาวที่มาตอนกลางคืนนั้น ไม่ใช่ตัวเองแน่นอน แต่เป็นเพื่อนชื่ออั้ม ไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์เกินเลยกับท่านเจ้าอาวาสหรือไม่ นอกจากนี้ยอมรับว่าเคยมาเที่ยวหาเจ้าอาวาสที่วัด โดยมากับพี่สาว แฟนพี่สาว หลานสาว และเพื่อนด้วย ไม่ได้มาเพียงลำพัง ขณะที่มาอยู่ที่วัด เจ้าอาวาสไม่เคยมีพฤติกรรมที่ลวนลาม ส่วนตัวนับถือเป็นพ่อ ส่วนเรื่องที่เจ้าอาวาสจะมีพฤติกรรมเหมือนที่มีการร้องเรียนหรือไม่นั้น อันนี้ไม่รู้

จากนั้น หมอปลา ได้สอบถาม สามเณรรูปหนึ่ง อายุ 15 ปี ที่บวชอยู่ที่วัดมาได้ 3 ปี เบื้องต้นเปิดเผยว่า เคยเห็นมีหญิงสาวมาหาหลวงพ่อช่วงกลางคืน และมีการมานอนพักในห้องเก็บของดังกล่าวด้วย หมอปลาจึงนิมนต์เณรรูปดังกล่าวมาพูดคุยกับเจ้าอาวาสเพื่อให้ยืนยันว่า เคยเห็นมีสีกาเข้ามาหลับนอนในกุฏิของเจ้าอาวาส แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าอาวาสเณรกลับมีท่าทีหวาดกลัวเจ้าอาวาส เพราะถูกเจ้าอาวาสที่นั่งอยู่ข้างๆสะกิดแขน ก่อนที่เจ้าอาวาสยืนยันเสียงแข็งว่าไม่เคยมีสีกามาหลับนอนในตอนกลางคืน แต่ยอมรับว่ามีมาหาในช่วงกลางวัน ซึ่งเป็นเด็กที่อุปการะเลี้ยงดู ไม่ได้พามามั่วสุม หากมีหลักฐานก็ให้นำเอาออกมา

ต่อมาเวลา 16.00 น. วันเดียวกันนี้ นายประทีป พูนลาภ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ รักษาการผู้อำนวยการพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางที่วัดและเข้าพูดคุยกับเจ้าอาวาสรูปดังกล่าวโดยลำพังใช้เวลา 20 นาที เบื้องต้นเจ้าอาวาส ยังคงปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหา จึงแนะนำว่าหากมั่นใจว่าไม่ทำอะไรผิด ต้องเข้ากระบวนการการตรวจสอบของคณะผู้แทนสงฆ์ ซึ่งเจ้าอาวาสก็พร้อมให้ตรวจสอบ และแนะนำเพิ่มเติมว่าให้นำเรียนเจ้าคณะอำเภอ ให้เข้ามาร่วมตรวจสอบ หากพบกระทำผิดจริงจะเข้าข่ายปาราชิก และหากไม่ได้กระทำผิดจริงก็จบ ที่ผ่านมายืนยันว่า เจ้าอาวาสรูปดังกล่าว ไม่เคยถูกร้องเรียน ส่วนพยานหลักฐานเพิ่มเติมทางสำนักพุทธฯ คาดว่าจะต้องนำหลักฐานจากที่ข่าวนำเสนอออกมามาประกอบ และหากใครมีหลักฐานเพิ่มเติมให้ส่งมายังเจ้าคณะปกครองสงฆ์ได้โดยตรง เพื่อให้พิจารณาถูกต้องชัดเจนและรวดเร็ว

กระทั่งเวลา 17.30 น. หมอปลา ได้นำสามเณรรูปดังกล่าว เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ด่านมะขามเตี้ย เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัยหลังเป็นพยานกรณีดังกล่าว